ที่นี่มีแต่คำว่าให้...และคำว่าขอบคุณ
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

ที่นี่มีแต่คำว่าให้...และคำว่าขอบคุณ

สำหรับท่านที่มาใหม่กรุณาสมัครสมาชิก ไม่เช่นนั้นจะไม่เห็นฟอรั่มในบางส่วน
 
เธšเน‰เธฒเธ™Portalliเธ„เน‰เธ™เธซเธฒLatest imagesเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธชเธกเธฒเธŠเธดเธ(Register)เน€เธ‚เน‰เธฒเธชเธนเนˆเธฃเธฐเธšเธš(Log in)

 

 ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน

Go down 
4 posters
เน„เธ›เธ—เธตเนˆเธซเธ™เน‰เธฒ : 1, 2  Next
เธœเธนเน‰เธ•เธฑเน‰เธ‡เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก
เจ้าหญิงพระจันทร์
Admin
Admin
เจ้าหญิงพระจันทร์


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 188
Registration date : 18/04/2007

ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน   ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน EmptySat Apr 28, 2007 9:52 pm

อคิลลิส

Achilles

มหากาพย์อีเลียดของโฮเมอร์กวีตาบอด ที่บรรยายถึงการรบอันยาวนานถึง
สิบปีระหว่างชาวกรีกกับโทรจันนั้นมีนักรบเก่งกล้าจนเป็นตำนานเล่าขานมากมาย
หลายคน แต่ผู้ที่เป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ในมหากาพย์นี้ก็ไม่มีใครจะไม่นึกถึงขุนศึกผู้
อาจหาญนามอคิลลิส

อคิลลิสโอรสแห่งราชาเพเลอุสราชาแห่งพวกเมอร์มิดอน* มารดาคือธีทิส**
เป็นพวกนีเรียด อคิลลิสมีชื่อเดิมคือ”ลิเกอรอน”

เมื่อแรกเกิดนั้นธีทิสได้จับเขาจุ่มลงในแม่น้ำสติกส์เพื่อให้ร่างกายคงกระพัน
อาวุธฟันแทงไม่เข้า แต่ส้นเท้าข้างหนึ่งที่ธิทิสจับไว้ไม่โดนน้ำจึงทำให้เป็นจุดอ่อน
และธีทิสก็ฝากให้ไครอนผู้เป็นเซนเทอร์***อบรมสั่งสอนเขา

เมื่อเจ้าชายปารีสแห่งทรอยโอรสราชาไพรอัมพาเฮเลนชายากษัตริย์เม-
เนลอสแห่งสปาตาร์หนีตามไปยังทรอย ทำให้อะกาเมมนอนราชาแห่งไมซีเน่และ
อาร์กอสผู้เป็นเชษฐาของเมเนลอสจึงได้ส่งสารไปยังพันธมิตรและบรรดาผู้ที่เคย
มาสู่ขอเฮเลนให้กรีฑาทัพไปยังเมืองทรอย

อคิลลิสไม่ได้อยากไปสงครามที่ทรอยเลย แต่เมื่อโอดิสซีอุสหว่านล้อมเขาจึงเปลี่ยนใจ
และได้นำกองทัพเรือห้าสิบลำเดินทางไปกรุงทรอย ซึ่งเขาก็สู้รบอย่างกล้าหาญ

เมื่อโจมตีเมืองเลอเนสซัสซึ่งอยู่ใกล้กับกรุงทรอย อคิลลิสได้สังหารราชา
ไบรเซสและชายารวมทั้งโอรสธิดาอีกสามสามองค์ ยกเว้นไบรเซอีสซึ่งเขาฆ่าสามี
ของเธอและเอาเธอมาเป็นภรรยา ต่อมาอกาเมมนอนแย่งชิงตัวไบรเซอิสไป อคิล-
ลิสโกรธมากจึงถอนตัวออกจากสงครามทำให้ฝ่ายกรีกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ เนส-
เตอร์นักปราชญ์ชราจึงบอกอะกาเมมนอนว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะเขาไปแย่งไบรเซอัส
มาจากอคิลลิส

อกาเมมนอสตระหนักดีจึงเสนอจะมอบสตรีเจ็ดคนจากเกาะเลสบอส
ทองคำ ม้า รวมทั้งไบรเซอิสแก่อคิลลิสซึ่งบอกว่าตนไม่เคยล่วงเกินนางเลย และ
เสนอของกำนัลอีกมามาย พร้อมกับส่งโอดิสซีอุส เอจักซ์และคนอื่นๆนำสารไปให้
แต่อคิลลิสยังคงโกรธเคืองและปฎิเสธทั้งหมด

ต่อมาปาโตรคลุสผู้เป็นญาติและเพื่อนที่อคิลลิสรักมาก สวมเสื้อเกราะ
ของอคิลลิสออกไปสู้รบกับพวกโทรจันที่ประตูเมือง และได้สังหารชาวโทรจันได้ 9
คน รวมทั้งซาร์เปฟอนนักรบที่เก่งกาจของทรอยผู้เป็นโอรสของซีอุส อพอลโลได้
โจมตีปาโตรคลุสทำให้เขาบาดเจ็บและเจ้าชายเฮคเตอร์แห่งทรอยก็ได้พุ่งหอก
สังหารปาโตรคลุส เฮกเตอร์หมายจะตัดศรีษะของปาโตรคุสเอาไปให้สุนัขกินเพื่อ
ให้วิญญาณไม่สามารถไปสู่สุขติได้ แต่อาจักส์ และเมเนลอสนำทหารกรีกมาชิง
ศพกลับไปได้

อคิลลิสเสียใจมากและประกาศเข้าร่วมสงครามอีกครั้งและจะไปแก้แค้น
เสียเดี๋ยวนั้น แต่ธีทิสได้ปรามไว้ให้รอจนเช้าก่อน ธีทิสก็กลับจากโอลิมปัสและนำ
เกราะตัวใหม่ที่เฮเฟตุสได้ตีขึ้นมาให้แก่อคิลลิส

อะกาเมมนอนมอบไบรเซอิสคืนแก่อคิลลิสและทั้งสองก็เป็นพันธมิตรกัน
โดยอคิลลิสสาบานว่าจะไม่ยอมกินดื่มจนกว่าจะได้สังหารเฮกเตอร์แก้แค้นให้ปา-
โตรคลุส ซึ่งเอธีน่าก็นำน้ำอมฤตมาหยดลงบนอกของเขาเวลาหลับเพื่อที่ร่างกาย
อคิลลิสจะได้มีกำลังวังชาและไม่หิวกระหาย

ในที่สุดก็เปิดศึกกันอีกครั้งซึ่งอคิลลิสสู้อย่างบ้าคลั่งจากแรงแค้น เมื่อบุกฝ่า
กองทหารไปได้ ก็พบเฮกเตอร์รออยู่หน้ากำแพงทั้งที่ถูกห้ามไม่ให้ออกมาเนื่องจาก
คำทำนายว่าเขาจะตายก็ตาม ซึ่งเทพีเอธีน่าก็ได้หลอกเฮกเตอร์ว่าจะคอยช่วยเหลือเขา

เฮกเตอร์ได้เผชิญหน้าและต่อสู้กับอคิลลิสอย่างกล้าหาญ อคิลลิสได้พุ่งหอก
เข้าที่คอของเฮกเตอร์ ซึ่งก่อนตายเฮกเตอร์ได้ขอร้องให้อคิลลิสส่งศพของตนให้กับครอบครัว
เพื่อทำพิธีศพ แต่อคิลลิสไม่รับปากและเอาศพเฮกเตอร์ผูกติดรถม้าและลากไปทั่วเป็นเวลา 9 วัน
เป็นการดับไฟแค้นของตน ซึ่งศพของเฮกเตอร์ก็อยู่ในสภาพดีเหมือนตอนเพิ่งตาย ไม่ได้เน่า
เปื่อยแต่อย่างใดเพราะอพอลโลและอะโฟรไดทีคอยดูแลอยู่

เมื่อลากศพเฮกเตอร์มาแล้ว 9 วัน แต่ความแค้นยังไม่จางลง อคิลลิสก็
คิดจะตัดศรีษะเฮกเตอร์และแล่เนื้อเอาไปเลี้ยงสุนัขจรจัด แต่เทพทั้งปวงเห็นว่า
อคิลลิสควรส่งศพเฮกเตอร์คืนแก่ทรอย เพราะเฮกเตอร์เป็นนักรบที่กล้าหาญ
และย่อง อคิลลิสจึงยอมตัดใจและส่งศพเฮกเตอร์คืนทรอยในวันที่ 12
หลังเฮกเตอร์เสียชีวิต

เฮเลนนั้นเมื่อได้เห็นศพเฮกเตอร์ก็ได้ได้ร่ำไห้คร่ำครวญอย่างเสียใจอย่างสุดแสนเนื่อง
จากในขณะที่คนอื่นๆในทรอยล้วนชิงชังและกล่าวว่านางเป็นเหตุแห่งสงคราม แต่เฮกเตอร์
กลับดีต่อนางเป็นที่สุด นางรำพันว่านางไม่ควรมากับปารีสเลย และคนที่ควรตายหาควร
เป็นตัวนางเองหาใช่เฮกเตอร์ไม่ และชาวทรอยก็ได้การเผาศพของเฮกเตอร์อย่างยิ่งใหญ่ที่สุด
ในประวัติศาสตร์แห่งทรอย

เทพอพอลโลได้บอกจุดอ่อนของอคิลลิสให้ปารีสทราบ ปารีสจึงลอบยิงธนู
อาบยาพิษไปที่ส้นเท้าของอคิลลิสขณะที่เขากำลังอยู่กับไบรเซอิส วีรบุษแห่งกรีก
ก็สิ้นใจตายด้วยพิษร้าย งานศพของเขาจัดอย่างยิ่งใหญ่ และโพลิซินาธิดาของ
ไพรอัมแห่งทรอยได้มาเคารพหลุมศพและสังเวยตนเองที่หลุมศพของอคิลลิส

หลังความตายแล้ว วิญญาณของอคิลลิสไม่ได้ไปที่เฮดีส แต่ได้เดินทางไป
ยังทุ่งเอไลเซียนหรือเกาะขาวซึ่งเป็นสวรรค์ของชาวกรีกสำหรับผู้ทำความดีและ
วีรบุรุษ

การที่ร่างกายอคิลลิสนั้นแข็งแกร่งฟันแทงไม่เข้าและไม่มีจุดอ่อนใดเลยยก
เว้นส้นเท้าที่ไม่ได้อาบน้ำจากแม่น้ำสติกซ์นั้น ทำให้เกิดคำที่ว่า Achilles’s heel
หมายถึงจุดอ่อน


*****************************************************************



*เมอร์มิดอน เป็นเชื้อสายดั้งเดิมของชาวเธสซาลี
**มีสมญาว่าธีทิสผู้มีเท้าสีเงิน(Thetis of the Silver Feet) บุตรีของเนเรอัสและโดริส เป็นพวกเนเรียดซึ่งเป็นพวกนางพรายทะเลผู้เป็นอมตะ
***เซนเทอร์ มีรูปร่างครึ่งคนครึ่งม้า ศรีษะถึงเอวเป็นคน มีขาสี่ขาเหมือนม้าทุกประการ มีความสามารถในศิลปะวิชาการต่างๆเป็นอย่างดี โดยเฉพาะศาสตร์การดูดาวและการทำนายอนาคต
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
เจ้าหญิงพระจันทร์
Admin
Admin
เจ้าหญิงพระจันทร์


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 188
Registration date : 18/04/2007

ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน   ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน EmptySat Apr 28, 2007 9:54 pm

อืม
ก็จะหาพวกตำนานเทพมาโพสต์ให้อ่านก็แล้วกาน
เผื่อว่าใครสนใจ
อันที่จริงแล้ว
โดยส่วนตัว
หญิงสนใจเรื่องนี้อ่ะ
เลยเอามาโพสต์ไว้ให้อ่านกัน

หรือใครอยากอ่านอาราย
ก็มาโพสต์ไว้ได้
จาหาให้
หรือใครมีเรื่องอารายที่ประมาณนี้
ก็เอามาโพสต์ไว้ได้เหมือนกาน

ช่วยๆกานโพสต์น้า
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
เจ้าหญิงพระจันทร์
Admin
Admin
เจ้าหญิงพระจันทร์


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 188
Registration date : 18/04/2007

ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน   ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน EmptySat Apr 28, 2007 9:55 pm

เอคโค่กับนาร์ซิสซัส

(ตำนานต้นนาร์ซิสซัส)

Echo and Narcissus

เอคโค่เป็นนางไม้แสนงาม แต่นางเป็นคนที่ช่างพูดในประเภทที่ว่าหากเลี้ยง
นกแก้วนกขุนทองเอาไว้ มันจะต้องกัดลิ้นตายแน่

แม้ผู้อื่นจะรำคาญที่นางพูดมากเช่นนี้ แต่ก็ไม่มีใครทำอะไร จนกระทั่งวันหนึ่ง
มีประชุมเหล่านางไม้และนางพราย ซึ่งเทวีเฮร่า(ในภาษาโรมันเรียกจูโน)เจ้าแม่แห่งสรวงสวรรค์เป็นประธาน
....เป็นไปตามที่ทุกคนคาด นางไม้เอคโค่เล่นจ้อเสียคนเดียวโดยไม่เว้นช่องไฟให้ใครได้พูดเลย แม้กระทั่ง
ตัวเฮร่าเองก็หาจังหวะจะแทรกไม่ได้ ทำให้เฮร่าทั้งโกรธทั้งรำคาญความเป็นนกแก้วนกขุนทองยังอายของนาง
เทพีแห่งสรวงสวรรค์จึงร่ายคำสาปใส่เอคโค่ ให้นางพูดสิ่งใดไม่ได้นอกจากคอยพูดตามคำสุดท้ายของประโยค
ที่ผู้อื่นพูด

เอคโค่อับอายมากที่ต้องคอยพูดเพียงคำท้ายประโยคของผู้อื่น และถูกล้อเลียนจนไม่เข้า
ประชุมหรือสมาคมกับใครอีกเลย ซึ่งบรรดานางไม้นางพรายทั้งหลายก็สุดแสนจะดีใจไม่เป็นทุกข์ร้อนที่นางหาย
หน้าไป (ยังรำคาญอยู่เหมือนกัน ที่มีเอคโค่มาคอยพูดตามท้ายประโยคทุกคำ)

กล่าวถึงชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งนามว่านาร์ซิสซัส เป็นผู้ชอบท่องไปตามป่าเขาลำเนาไพร
นาร์ซิสซัสถือเป็นชายหนุ่มที่งามที่สุดในยุคนั้นทีเดียว ทำให้มีหญิงสาวมาหลงรักมากมายตามตื๊อจนแทบไม่เป็นอัน
กินอันนอน เขาจึงตัดสินใจมาอยู่ในป่าเพื่อตัดความรำคาญ แต่ไม่วายมีเหล่านางไม้นางพรายมาหลงใหลได้ปลื้มอีก
โดยเฉพาะเอคโค่นั้นหลงรักนาร์ซิสซัสจนตามติดทุกฝีก้าวแบบไปไหนไปกัน นาร์ซิสซัสออกปากไล่ก็ยังไม่ยอมไป
ซ้ำยังทำหน้าใสซื่อทวนคำท้ายประโยคของเขาอีก ทำให้ชายหนุ่มปลงๆขี้เกียจตอแยด้วย และปล่อยให้นางไม้ผู้นี้
ติดตามต่อไปตามใจนาง

นาร์ซิสซัสไม่เพียงแต่ไม่ใยดีบรรดาหญิงสาวนางไม้นางพรายที่หลงรักเขา ซ้ำยังดูแคลนความรัก
ของพวกนางอีกด้วย ว่าเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระและน่าเบื่อสิ้นดี เรื่องนี้ร้อนถึงเทวีอะโฟรไดที (วีนัสในโรมัน)
เทพีแห่งความรัก นางเห็นว่าการที่หนุ่มรูปงามเช่นนาร์ซิสซัสไม่มีความรักนั้นเป็นความผิดอย่างร้ายแรงอยู่แล้ว
(ในความคิดของนางเอง) และยังมาดูแคลนความรักอีก รวมกันแล้วเป็นความผิดอย่างอภัยให้ไม่ได้ จึงสาปให้นาร์ซิส-
ซัสหลงรักเงาตนเอง

ฝ่ายนาร์ซิสซัสรูปงามนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลยว่าตัวเองโดนอะโฟรไดทีสาปเข้าเต็มๆ เมื่อเดินทางมาถึง
ลำธารใสสะอาดก็ก้มลงหวังจะวักน้ำล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น แต่พลันสายตาของเขาก็ไปสบกับดวงตาของชายหนุ่มที่
รูปงามที่สุดเท่าที่เขาจะจินตนาการได้ นาร์ซิสซัสยิ้มให้ชายหนุ่มซึ่งเขาก็ยิ้มตอบมาด้วยรอยยิ้มละไมเช่นกัน ความรัก
นั้นก็บังเกิดขึ้นเต็มใจของนาร์ซิสซัส เขายื่นแขนออกไปหมายจะโอบกอดชายรูปงามเบื้องหน้า แต่ทว่าเมื่อมือของเขา
สัมผัสกับผิวน้ำ ภาพชายหนุ่มก็หายไปและกลับคืนมาเมื่อน้ำเรียบสงบดังเดิม

ผลจากคำสาปทำให้นาร์ซิสซัสเฝ้ามองชายในน้ำโดยไม่รู้ว่าเป็นเงาของตน เขาไม่ยอมกินยอมนอนและคอย
จะโอบกอดชายรูปงามที่เขาแสนรักอีก แต่ผลก็เป็นเหมือนเดิม

จนในที่สุด หนุ่มรูปงามผู้นี้ก็สิ้นใจลงข้างลำธารนั่นเอง ร่างของเขากลายเป็นดอกไม้ที่งดงามริมน้ำ ราวกับว่า
คอยชะโงกดูเงาของตน และเพื่อเป็นการไว้อาลัยต่อชายหนุ่มผู้งดงาม จึงเรียกดอกไม้นี้ว่า นาร์ซิสซัส (Narcissus ,
ดอกจะมีขนาดใหญ่ ลำต้นแข็งตั้งตรง ขึ้นอยู่ตามริมน้ำ ซึ่งในภาษาจีนเรียกว่า”จุ๊ยเซียน” และต่อมาก็เกิดคำเรียกผู้ที่หลง
ใหลตนเอง บูชาตนเองว่าNacissism)

ส่วนนางไม้เอคโค่นั้น เสียใจเป็นอย่างยิ่งในการจากไปของนาร์ซิสซัส และไม่มีใครเห็นนางอีกเลย มีเพียงเสียง
ของนางที่คอยก้องสะท้อนคำสุดท้ายของผู้คนตามป่าเขาและถ้ำเท่านั้นที่บ่งบอกว่านางยังคงอยู่ เป็นที่มาของศัพท์คำว่า echo
ในภาษาอังกฤษซึ่งแปลว่า เสียงก้อง เสียงสะท้อน

…………………………………………………………………………………………

หากท่านไม่เคยรัก
อาจเลือกเรียนรู้ หรือ หนีห่าง
สุดแต่ทางที่ตัวท่านนั้นปรารถนา
ตามเสียงที่หัวใจนั้นเรียกมา
ให้ตามหารักล้ำค่า หรือ หลีกไกล
ค่าแห่งรักนั้นหาควรดูหมิ่นไม่
รักจะคงอยู่ทั่วไปตราบชั่วกาล
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
เจ้าหญิงพระจันทร์
Admin
Admin
เจ้าหญิงพระจันทร์


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 188
Registration date : 18/04/2007

ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน   ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน EmptySat Apr 28, 2007 9:57 pm

โอย เรื่องนี้เศร้าอ่ะ
เศร้าๆๆๆ

อ่านแล้วซึ้ง

ฮืออออออออออ
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
เจ้าหญิงพระจันทร์
Admin
Admin
เจ้าหญิงพระจันทร์


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 188
Registration date : 18/04/2007

ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน   ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน EmptySat Apr 28, 2007 9:59 pm

ซีอิกซ์ & อัลคีโอเน่

(Ceyx & Alcyone)

ซีอิกซ์ คือราชาแห่งเธสซาลี (ทราคิส) พระองค์ได้อภิเษกสมรสกับ
อัลคีโอเน่ ทั้งคู่รักกันมากและมีโอรสด้วยกันหนึ่งองค์ มีชื่อว่าอิปปาซุส
(Hippasus *)
ต่อมาวันหนึ่งราชาซีอิกซ์ได้ลงเรือเสด็จไปยังคลารอส (Claros)
และเรือก็พบกับพายุจนอัปปาง ราชาซีอิกซ์ก็จมน้ำตาย อัลคีโอเน่ก็หารู้ไม่ นาง
ยังคงเฝ้าคอยการกลับมาของสามีอย่างใจจดใจจ่อ
เนื่องจากอัลคีโอเน่นั้นบูชาเทวีเฮร่าอย่างจงรักภักดีเสมอมา พระนาง
เห็นอัลคีโอเน่เฝ้ารอซีอิกซ์วันแล้ววันเล่าโดยไม่มีทางที่ซีอิกซ์จะกลับมาเลย เทวี
แห่งสรวงสวรรค์ก็เกิดความเวทนา จึงบัญชาให้มอฟีอุส (Mopheus**) เข้าฝันอัล-
คีโอเน่ที่กำลังหลับใหลในยามราตรี โดยให้แปลงกายเป็นซีอิกซ์ที่กลับมาหานางใน
สภาพเปียกปอนและใบหน้าเศร้าหมอง สาหร่ายและตระไคร่น้ำติดตามเนื้อตามตัว
และเดินจากนางไป
อัลคีโอเน่กรีดร้องเรียกซีอิกซ์เสียงหลง และสะดุ้งตื่นก็พบว่าเป็นเพียง
ความฝันและเทวีออส***ก็ใช้นิ้วสีกลีบกุหลาบของนางเปิดม่านแห่งท้องฟ้ายามรุ่ง
อรุณแล้ว นกกาก็ร้องขับขาน แต่อัลคีโอเน่ไม่ได้สดชื่นไปกับบรรยากาศเช่นนี้เลย
นางครุ่นคิดเพียงว่าช่างเป็นฝันที่เหมือนจริงเหลือเกิน นางรู้สึกใจหายและเป็นห่วง
ซีอิกซ์ผู้gxHoสามียิ่งนัก นางจึงลุกจากเตียงทันใด และรีบวิ่งไปยังหน้าผาสูงซึ่งจะ
สามารถเห็นเรือที่จะเดินทางเข้ามายังเธสซาลีได้
ทันใดสายตาของนางก็มองเห็นบางสิ่งบางอย่างลอยน้ำเข้ามา นางจึงเพ่งดู
ก็เห็นว่าเป็นร่างไร้วิญญาณของสามีผู้เป็นที่รักยิ่งของนางนั่นเอง ศพของเขาเกาะขอนไม้
ลอยมาตามกระแสน้ำทะเลที่พัดเข้ามา อัลคีโอเน่เสียใจจนไม่อาจทนได้ นางจึงกระโดด
ลงจากหน้าผาที่ยืนอยู่เพื่อจะไปหาร่างไร้วิญญาณของซีอิกซ์
แต่ร่างของนางยังไม่ทันจะแตะถูกผิวน้ำ ร่างของซีอิกซ์ก็ได้เปลี่ยนเป็นนก
นางนวลสีขาวซึ่งอัลคีโอเน่ก็กลายเป็นนกนางนวลเช่นกัน นกทั้งคู่บินวนคลอเคลียแสดง
ความรักและความคิดถึงต่อกันอย่างสุดแสน จากนั้นทั้งคู่ก็บินไปด้วยกันจนลับขอบฟ้า
และตราบเท่าทุกวันนี้เราจะยังคงได้เห็นลูกหลานของซีอิกซ์และอัลคีโอเน่ทั่วไปบนท้องฟ้า
เหนือท้องทะเล

*****************************************************************


*อ่านแบบละตินจะไม่ออกเสียงHเป็น-ฮ- แต่จะว่างไว้ไม่ออกเสียงก็คือออกเป็น-อ-เหมือนกับภาษาฝรั่งเศส
**เป็นรากศัพท์ของคำว่าMorphine ซึ่งเป็นยาระงับความเจ็บปวดและมีฤทธิ์ให้นอนหลับ
***ในโรมันเรียกว่า”ออร์โรร่า”
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
เจ้าหญิงพระจันทร์
Admin
Admin
เจ้าหญิงพระจันทร์


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 188
Registration date : 18/04/2007

ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน   ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน EmptySat Apr 28, 2007 10:01 pm

Pyramus & Thisbe

พีรามุสกับธิสบี


หนึ่งในเรื่องราวของความรักอันแสนเศร้าของตำนานกรีก
ก็คงจะเป็นเรื่องราวของพีรามุส* กับธิสบี

พีรามุสกับธิสบีนั้นมีบ้านอยู่ติดกัน แม้ห่างเป็นช่วงกำแพง
กางกั้น แต่ทว่าเหมือนอยู่ไกลกันสุดฟากฟ้า เนื่องจากบิดาของทั้งสอง
ต่างเกลียดชังกันและกันมาก ประเภทที่ว่าหากพบหน้าก็เป็นอันต้องมีเรื่อง
มีราวทุกครั้ง

ความเจ็บช้ำนั้นตกมาถึงผู้เป็นลูก ซึ่งทั้งสองต่างก็แอบมีใจต่อ
กันและกันหากต้องเก็บงำความรู้สึกนั้นไว้ในใจอย่างเงียบๆ โดยไม่รู้ถึง
ความรู้สึกของฝ่ายตรงข้ามว่าคิดอย่างไรกับตน

สาวน้อยธิสบีนั้นมักจะแอบมาทอดถอนใจรำพึงรำพันความใจ
เพียงผู้เดียวข้างกำแพงหนาสูงซึ่งกั้นนางและพีรามุสออกจากกัน ซึ่งพีรามุส
ก็ได้เฝ้ามองกำแพงด้วยความถวิลหาโฉมตรูธิสบีที่อยู่อีกฟาก เทวีอะโฟรไดที
(วีนัสในภาษาโรมัน)เทวีแห่งความรักและความงามเกิดเห็นใจในความรักของทั้ง
คู่จึงบัลดาลให้กำแพงนั้นเกิดรอยแยกออกเป็นช่อง พอที่จะให้สองหนุ่มสาวได้
พูดคุยพร่ำคำรักต่อกัน

เมื่อล่วงรู้ความในใจว่าอีกฝ่ายก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกับตน ความรัก
ของทั้งสองก็เบ่งบานและแน่นแฟ้นขึ้นมาก และมักหลบบิดามารดามานั่ง
คุยกันเสมอ

“พีรามุส…ท่านอยู่หรือไม่” ธิสบีกระซิบที่รอยแตกของกำแพง
“หากอยู่แล้วไซร้ จงตอบมา”

เสียงของชายผู้เป็นที่รักของเธอตอบกลับมาด้วยเสียงกระซิบ
เช่นเดียวกัน “ข้าอยู่เสมอ ยอดรักของข้า”

“พีรามุสข้าอยากพบกับท่าน ข้าฝันถึงการเดินเคียงข้างท่านและ
สนทนา มิใช่เพียงส่งเสียงเจรจาผ่านกำแพงเยี่ยงนี้” สาวน้อยธิสบีเอ่ยด้วย
ความเศร้า

พีรามุสก็มีความปรารถนาเช่นเดียวกัน เขาตรึกตรองจนถี่ถ้วนแล้ว
ตอบธิสบีไป “อย่าเศร้าไปเลยดวงใจข้า วันพรุ่งยามรุ่งอุษา ดวงใจรักเราสอง
จักสมดั่งปรารถนา ณ.ที่นิทราชั่วนิรันดร์แห่งไมนัส”

พีรามุสและธิสบีก็ได้นัดพบกันที่หลุมศพของไมนัส ซึ่งอยู่ในป่าที่
ไร้ผู้ใดสัญจรผ่าน

ยามเช้าของวันต่อมา ธิสบีนั้นตื่นแต่เช้าและแต่งกายให้สวยงามที่สุด
และหยิบผ้าคลุมศรีษะโปร่งบางแสนสวยที่เธอมักใช้เวลาออกไปข้างนอกมาคลุม
จากนั้นก็เดินไปยังที่นัดหมายด้วยใจอันร่าเริง

ปรากฏว่าเธอได้ไปถึงที่นัดก่อนพีรามุส เธอจึงเดินเล่นชมความงาม
ของธรรมชาติยามเช้ารอชายคนรัก แต่แล้วเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเหยียบใบไม้
แห้งที่พื้นหนักๆดังขึ้นเบื้องหลัง เธอคิดว่าต้องคือพีรามุสเป็นแน่ จึงยิ้มละไม
และหันมา แต่เธอก็ต้องตกใจจนแทบสิ้นสติ เนื่องจากเจ้าของฝีเท้านั้นไม่ใช่ชาย
รูปงามอันเป็นที่รัก หากแต่เป็นสิงห์ตัวใหญ่ท่าทางดุร้าย ที่ปากอันเต็มไปด้วยเขี้ยว
ยาวแหลมคมมีโลหิตสดๆสีแดงฉานของเหยื่อที่มันเพิ่งจัดการมาหยดย้อยเป็นทางยาว

ธิสบีกลัวยิ่งนักจึงวิ่งหนีสุดฝีเท้าโดยไม่คิดชีวิต ส่วนเจ้าสิงห์ร้าย
นั้นวิ่งตามเธอไม่ทัน จึงหันมากัดทึ้งผ้าคลุมผมที่เธอทำตกไว้แทน เมื่อหาย
แค้น(หรือเบื่อก็ไม่รู้) มันจึงผละออกไป

ฝ่ายพีระมัสก็รีบร้อนออกจากบ้าน เนื่องจากเขาสายกว่าเวลานัด
และกลัวว่าธิสบีจะคอยนาน แต่เมื่อมาถึงสถานที่นัดหมายกลับไม่พบธิสบี
ชายหนุ่มจึงเดินไปรอบๆ เผื่อว่าธิสบีมาถึงก่อนและออกไปเดินเล่นรอตน
แต่สายตาของเขากลับเหลือบไปเห็นเศษผ้าขาดวิ่น จึงเดินไปดูด้วยความสงสัย
ก็ต้องตกตะลึง เมื่อจำได้ว่าเป็นผ้าคลุมที่ธิสบีใช้ประจำ และยิ่งไปกว่านั้นยังมี
คราบเลือดสดๆติดอยู่เต็ม!!! พีรามุสคิดว่าธิสบีคงกลายเป็นเหยื่อของสัตว์ร้าย
ไปเสียแล้ว ก็เสียใจจนหมดสติไป

เมื่อฟื้นขึ้นมา ชายหนุ่มหวังเป็นอย่างยิ่งว่าที่เห็นนั้นเป็นเพียงฝันร้าย
และธิสบีก็จะมายืนข้างๆ และยิ้มให้เขา แต่ทว่าก็โกหกความจริง(ที่คิดเอาเอง)ไม่ได้
ผ้าเปื้อนเลือดนั้นยังคงอยู่อยู่ในมือของตน พีรามุสเสียใจจนไม่อาจหาคำใด
มาบรรยายได้ เขาหยิบมีดสั้นซึ่งพกไว้ป้องกันตัวขึ้นมา คมมีดคมกริบสีเงิน
สะท้อนกับแสงสีทองแห่งรถม้าของเทพอพอลโลอันอยู่บนท้องฟ้าเป็นประกาย
น่าหวั่น

“ธิสบียอดรัก แม้ร่างกายเจ้าจะไม่คงอยู่แล้ว แต่ความรักที่ข้ามีต่อ
เจ้าจะอยู่ต่อไปชั่วกาลปาวสาน เจ้าจะเดินทางล่วงหน้าเดียวดายไปไม่นาน ข้าจะ
รีบตามให้ทันกาลพานพบกัน”

สิ้นคำ พีรามุสก็จบชีวิตอันสวยงามและเยาว์วัยของตนลงด้วยความ
เข้าใจผิดอย่างมหันต์

ทางด้านสาวน้อยธิสบีหลังจากหนีไปไกลและคอยอยู่พักใหญ่ ก็คิด
ว่าเจ้าสัตว์ร้ายนั่นน่าจะไปแล้ว จึงย้อนกลับมาที่นัดพบ แต่ก็พบร่างไร้วิญญาณ
ของชายผู้เป็นที่รักนอนอยู่กับพื้น ที่ปากของเขามีผ้าคลุมของเธอซึ่งเปื้อนเลือด
จากปากสิงห์แนบไว้ หยาดน้ำตาที่แก้มของชายหนุ่มก็ยังไม่ทันที่จะเหือดแห้งไป

ธิสบีสติแทบไม่สมประดี วิ่งเข้าไปกอดและร้องรียกให้พีรามุสลืมตาขึ้น
แต่ก็ไร้ผลใดๆ เธอจึงหยิบมีดสั้นซึ่งพีรามุสใช้จบชีวิตตนเองขึ้นมา “ข้าแต่ทวยเทพ
เหตุใดท่านจึงเอาชีวิตของพีรามุสไปด้วยความเข้าใจผิดแห่งตน ชีวิตของเขาควรจะ
ยืนยาวกว่านี้มากนัก”

สาวน้อยชูมีดขึ้นและกล่าวทั้งน้ำตาอาบสองแก้มเปล่งปลั่งสีกุหลาบ
“มีดเล่มนี้ควรปกป้องชีวิตนาย เหตุใดจึงกลายเป็นยมทูตแห่งผู้ถือมันด้วยเล่า….
ในเมื่อเขาจบชีวิตลงเพราะคิดว่าข้าม้วยมรณา…เขาหาได้อยากมีชีวิตต่อหากขาดข้า
ข้าเองก็ไม่ขอบากหน้ามีชีวิตต่อไปหากขาดเขา หัวใจรักแห่งเราจะมั่นคงดั่งเก่า
แม้ว่าเป็นเพียงเงาแห่งวิญญา”

ธิสบีก็จบชีวิตของเธอตามชายที่เธอรักไป ร่างไร้วิญญาณของพีรามุส
และธิสบีนอนเคียงข้างกัน และพลันที่โลหิตของทั้งสองหยดลงพื้น ก็เกิดเป็นต้น
มัลเบอร์รี่สีม่วงและต้นมัลเบอร์รี่สีขาวเกิดขึ้นมาเคียงข้างกัน


..................................................................................................


*อ่านแบบละติน ถ้าออกเสียงแบบอังกฤษจะอ่านว่า”ไพเรมัส”
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
เจ้าหญิงพระจันทร์
Admin
Admin
เจ้าหญิงพระจันทร์


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 188
Registration date : 18/04/2007

ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน   ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน EmptySat Apr 28, 2007 10:04 pm

อีรอส

(Eros)

อีรอสมีชื่อเรียกหลายชื่อด้วยกัน ซึ่งคิวปิด(Cupid)และเอเมอร์(Amor)คือ
ชื่อที่ชาวโรมันเรียกกัน

เป็นเทพเจ้าที่มีรูปงามที่สุด รูปร่างของอีรอสก็บรรยายไว้ทั้งที่ว่าเป็นเด็กที่
ไม่ยอมโตหรือไม่ก็ว่าเป็นชายหนุ่มรูปงามมีปีกสีขาวมุกหรือสีทองอยู่กลางหลัง
มารดาก็คืออะโฟรไดทีเทพีแห่งความรักและความงาม ส่วนบิดาบ้างก็ว่าเป็น
เฮอร์เมส*เทพแห่งการสื่อสาร หรือเอเรส**เทพแห่งสงคราม แต่ในตำนานส่วน
ใหญ่แล้วจะว่าเอเรสเป็นบิดา

อีรอสได้รับมอบหมายให้เป็นเทพผู้ยิงศรทองคำใส่ชายหนุ่มหญิงสาวที่มี
ความเหมาะสมให้เกิดความรักขึ้นต่อกัน และยิงศรตะกั่วใส่ชายหญิงที่ไม่ใช่คู่กัน
ให้เกิดความเกลียดชัง แต่ด้วยความที่อีรอสนั้นเป็นเด็กและซุกซนที่สุดในบรรดา
ทวยเทพแห่งโอลิมปัส จึงมีบางครั้งที่นึกสนุกยิงลูกศรตะกั่วใส่ชายหญิงที่รักกัน
และยิงศรทองคำไปยังชายหญิงที่ไม่ได้รักและมีความเหมาสมกันสักนิด บางครั้ง
เมื่อยิงศรทองคำไปแล้วก็ยิงศรตะกั่วไปซ้ำ ทำให้เกิดการอกหักและผิดหวังใน
ความรัก

ส่วนมากแล้วอีรอสจะใช้เวลาท่องอยู่ที่โลกมนุษย์มากกว่าบนโอลิมปัสเพื่อ
ทำภารกิจของตน โดยมีฮีเมอรัส(Himerus)เทพเจ้าแห่งความปรารถนาผู้มีสมญา
นามว่าโปโธส(Pothos)หมายถึงความปรารถนา ติดตามไปทุกหนทุกแห่ง

ศรแห่งอีรอสมีทรงอานุภาพและไม่มีผู้ใดจะสามารถทานหรือลบล้างได้แม้แต่เทพเจ้า
และตัวของอีรอสเองที่พลาดพลั้งโดนลูกศรของตนทำให้หลงรักหญิงสาวชาวมนุษย์นาม
ว่าไซคี(Phyche)



*Hermes หรือ Mercury ของชาวโรมัน
**Ares หรือ Mars ของชาวโรมัน
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
เจ้าหญิงพระจันทร์
Admin
Admin
เจ้าหญิงพระจันทร์


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 188
Registration date : 18/04/2007

ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน   ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน EmptySat Apr 28, 2007 10:05 pm

พิกมีเลียนกับกัลลาเทีย

(พิกมิเลียนผู้หลงรักรูปสลัก)

พิกมิเลียนเป็นช่างสลักรูปหนุ่มผู้มีพรสวรรค์แห่งไซปรัส เขาเกลียดชังสตรี
อย่างสุดแสน เขาคิดว่ามีตัวเองคนเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็
ได้ทุ่มเทกำลังทั้งหมดในการสลักงาช้างเป็นรูปหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบที่สุดขึ้นมา
.....หญิงสาวที่งามขนาดที่ไม่เคยมีชายใดจะได้ยลโฉมมาก่อน

เขาบรรจงใส่ใจในทุกรายละเอียดของรูปสลักแทบไม่กินไม่นอน แต่มันก็
ไม่ใช่แค่นั้น สิ่งที่พิกมิเลียนเองก็คาดไม่ถึงมันค่อยๆเกิดขึ้นในหัวใจของเขา
เริ่มตั้งแต่ลงมือปั้นจนกระทั่งรูปสาวงามของเขาเสร็จสมบูรณ์ เขาก็หลงรักรูปสลัก
จากงาช้างที่ทำขึ้นเองเสียแล้ว เป็นความรักครั้งแรกและรักจนถอนตัวไม่ขึ้นเสียด้วย

และก็ดูเหมือนว่าเขาจะหลอกตัวเองว่ารูปสลักแสนงามนี่เป็นหญิงสาวจริงๆ
และมีชีวิต ทุกๆวันเขาจะจุมพิตแผ่วเบาที่ริมฝีปากงามได้รูปแต่แข็งทื่อและเย็น
เฉียบ สรรหาเสื้อผ้าอาภรณ์เครื่องประดับที่งดงามมีค่ามาให้เธอสวม ในยาม
เช้าพิกมิเลียนก็จะอุ้มรูปปั้นสาวงามไปเดินเล่นกันท่ามกลางแสงแดดอันสดใส ใน
ยามราตรีเขาก็อุ้มเธอไปนอนบนเตียงที่อบอุ่นนุ่มสบายและห่มผ้าให้ ด้วยว่ากลัว
หญิงสาวในจินตนาการของตนจะหนาว

ความรักของพิกมิเลียนที่มีต่อหุ่นงาช้างสาวสวยนั้นมีความลึกซึ้งตรึงใจยิ่ง
นัก เขาได้ไปที่วิหารแห่งอะโฟรไดทีทุกวันเพื่อวิงวอนให้เทพีแห่งความรักช่วยเขา
ซึ่งเทพีอะโฟรไดทีก็รับรู้และมีความเห็นใจและรู้สึกเวทนาที่พิกมิเลียนผู้ยังหนุ่ม
แน่นและมีพรสวรรค์เอาแต่ดูแลพูดคุยกับงานศิลปะที่ตนทำขึ้นเหมือนเด็กๆเล่น
กับตุ๊กตาไม่มีผิด ซึ่งเป็นความรักที่หายากยิ่งจึงต้องการช่วยใช้ชายผู้รักมั่น
สมหวัง

เมื่อพิกมิเลียนก็ได้พบแต่เพียงความเงียบในวิหาร มีเพียงเสียงกล่าวอ้อน
วอนของตนเท่านั้นที่ดังก้องสะท้อนไปมาในโถง ก็เดินคอตกกลับบ้าน แต่กระนั้น
ก็ยังไม่ละความพยายาม

ในวันเฉลิมเทศกาลของอะโฟรไดที ซึ่งเป็นวันที่ฉลองการที่อะโฟรไดทีได้
ปรากฎจากฟองน้ำแห่งท้องทะเล ซึ่งในเทศกาลนี้บรรดาชายหนุ่มและหญิงสาวคู่
รักก็จะมอบของขวัญให้แก่กันและกัน พิกมิเลียนก็ไม่ได้ไปร่วมแต่อย่างใด เขา
เพียงแค่ไปวิหารเทพีอะโฟรไดทีเพื่องวิงวอน

และเขาก็ต้องกลับบ้านด้วยความผิดหวังเช่นเคย เมื่อไม่มีการตอบรับอะไร
เกิดขึ้นเลย เขามองรูปปั้นสาวงามพลางทอดถอนใจ และเอื้อมมือไปสัมผัสผิวรูป
สลักอย่างแสนรัก แต่เขาก็ต้องชักมือกลับเมือมือของเขาได้สัมผัสถึงความอบอุ่น
พิกมิเลียนจึงเดินเข้าไปใกล้และจุมพิตเธอเนิ่นนาน ก็รู้สึกถึงสิ่งที่ค่อยๆเปลี่ยน
แปลง ลมหายใจอ่อนๆสัมผัสริมฝีปากชายหนุ่ม ผิวรูปปั้นที่แข็งเย็นชืดไร้
ความรู้สึกก็เริ่มนิ่มนวลและอบอุ่น เมื่อเขาถอนริมฝีปากออกก็เห็นดวงตาสีน้ำตาล
ใสมองมาจากหญิงสาวแสนสะคราญที่เหมือนกับรูปปั้นของเขาแต่ทว่าดูมี
ชีวิตชีวา เธอยิ้มให้เขาด้วยริมฝีปากงามสีกลีบดอกกุหลาบเช่นเดียวกับแก้มเปล่ง
ปลั่งของเธอ

และเธอช่างดูงามกว่าที่เคยเป็นเสียอีก

“โอ!อะโฟรไดทีผู้งดงาม….ท่านรับฟังคำวิงวอนแห่งข้าแล้ว”

พิกมีเลียนและรูปปั้นที่กลายเป็นมนุษย์ต่างสวมกอดกันด้วยความดีใจ ซึ่ง
เขาก็ตั้งชื่อให้เธอว่า”กัลลาเทีย” และแต่งงานกันอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
เจ้าหญิงพระจันทร์
Admin
Admin
เจ้าหญิงพระจันทร์


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 188
Registration date : 18/04/2007

ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน   ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน EmptySat Apr 28, 2007 10:08 pm

โปเซดอน

Poseidon

(Neptune)


ดังที่กล่าวมาแล้วจากเรื่องของซีอุส เมื่อซีอุสได้ครองบัลลังก์
แห่งโอลิมปัสก็ได้ตั้งราชวงศ์โอลิมเปียนขึ้นมาและแบ่งหน้าที่สำมะคัญๆให้พี่
น้องทำ ซึ่งโปเซดอนพี่ชายคนโตก็ได้รับตำแหน่งที่สำคัญมากที่สุดตำแหน่ง
หนึ่ง ก็คือเป็นจ้าวแห่งผืนน้ำผู้มีอำนาจเหนือทุกชีวิต เนื่องจากไม่ว่าเป็นพืช
หรือสัตว์ก็ย่อมต้องพึ่งพาใช้น้ำเพื่อดำรงชีพทั้งสิ้น มีอาวุธคือสามง่าม ซึ่งใช้ใน
การบัลดาลลมพายุคลื่นลม โรมันเรียกโปเซดอนว่าเนปจูน

ด้วยเหตุที่ตัวเองใหญ่อย่างนี้เอง โปเซดอนจึงเที่ยวกร่างไปทั่ว พอใจ
เมืองใดก็ให้น้ำอุดมสมบูรณ์ หากไม่พอใจที่ใดก็ทำให้แห้งแล้ง แต่สิ่งที่ทำลง
ไปนั้น นานเข้าก็เกิดผลต่อตัวโปไซดอนเอง เนื่องจากแผ่นดินที่ขาดน้ำนั้นก็
แห้งแตกจนกลายเป็นทะเลทรายในที่สุด แม้ว่าจะฟื้นฟูอย่างไรก็ไม่กลับเป็น
ผืนดินและแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์อีก เท่ากับว่าอาณาเขตการปกครองของโป
เซดอนนั้นลดลงไปโดยปริยาย มันทำให้พระองค์หัวเสียมาก

นอกจากนี้แล้วโปเซดอนยังสามารถพายุคลื่นลมได้ตามใจชอบอีกด้วย
จึ้งได้ว่า”ผู้สั่นพสุธา” และด้วยความที่มีอำนาจมหาศาลเช่นนี้นั่นเอง ทำให้
โปรเซดอนฮึกเหิมจนร่วมมือกับอพอลโลและเฮราก่อการกบถต่อซีอุส ซึ่ง
มหาเทพก็ปราบได้อย่างหวุดหวิด ลงโทษให้อพอลโลและโปเซดอนไปใช้
แรงงานในการช่วยสร้างกำแพงเมืองทรอย ส่วนเฮราก็ถูกจับตรึงโซ่แขวนไว้บน
ท้องฟ้า

เวลาที่โปเซดอนจะขึ้นจากปราสาทใต้ท้องทะเลมายังผิวน้ำ ก็ขึ้นราชรถ
เทียมด้วยปลาโลมา มีเหล่านีเรียดคอยถือธงทิว ส่วนไตรตัน(พวกเงือกตัวผู้)ก็
จะคอยเป่าหอยสังข์เป็นสัญญาณ

ในเรื่องของความรักแล้ว โปเซดอนก็ไม่ค่อยจะโลดโผนเท่าซีอุสผู้เป็น
น้องชายสักเท่าไร และมีชายาสุดที่รักชื่อแอมฟิทริตี้เทพธิดาแห่งท้องทะเล ซึ่ง
กว่าจะได้นางมาแต่งงาน โปรไซดอนก็ต้องตามตื้อนางนานพอสมควร(เรียก
หืดเกือบขึ้นคอ)

โปเซดอนนั้นก็มีภรรยาและทายาทมากมายไม่น้อยหน้าน้องชาย
เหมือนกัน จะยกตัวอย่างสำคัญๆมานะครับ(ยังมีเพียบ พอๆกับซีอุส วันหลัง
จะลงเพิ่มให้อีก)

ภรรยา ทายาท
แอมฟริทริตี้ อัลบิออน,เบนธีซิไซเม,คาริบดิส,โรดีและพวกไตรตัน
ยูรีอาเล โอริออน
ยูรีโนเม่ อโซปุส,เบลเลเลอฟอน
คานาเซ่ เหล่านางพรายเนเรียด,อโลเออุส,อีโพเปอุส,โฮเปลลุส,ไทรโอแพส
เดมีเตอร์ อาริออน,เดสโพเอน่า


ไม่อยากจะบอกเลยครับว่าไอ้ตอนที่ได้เดมีเตอร์เนี่ยเป็นยังไง

เดมีเตอร์เมื่อถูกโปเซดอนใช้กำลังจะข่มเหง เธอก็แปลงเป็นม้าป่าหนีไป
ปะปนกับฝูงม้าในทุ่งหญ้า แต่คิดรึ ว่าจะพ้นมือท้าวเธอได้ โปเซดอนก็แปลง
กายเป็นม้าป่าเช่นเดียวกันและได้กับเดมีเตอร์ในร่างนั้นนั่นเอง ผลผลิตก็คือ
เดสพีน่า

แอมฟิทริตรี้ไม่ค่อยสนใจจะตามราวีหึงหวงบรรดาบ้านเล็กบ้านน้อยของ
สามีสักเท่าไหร่ เพราะคิดว่ายังไงโปรเซดอนต้องกลับมาตายรังอยู่ดี แต่มีอยู่
รายหนึ่งที่นางเป็นห่วง คือน้องนุชสุดท้องของกอร์กอนทั้ง3 นามว่าเมดูซา แต่
ยังไม่ทันทำอะไร เอธีนาก็จัดการสาปให้เมดูซาอัปลักษณ์มีผมเป็นงู และ
สายตาที่ทำให้คนถูกจ้องกลายเป็นหิน

โปเซดอนยังมีเรื่องวิวาทกับเอธีนาอีกด้วย ในครั้งที่จะตั้งชื่อเมือง
เอเธนส์ในปัจจุบัน ต่างคนก็ต่างไม่ยอมกันเถียงว่าชื่อของตนควรได้รับขนาน
นามเป็นชื่อเมือง จนเกือบจะชักอาวุธออกมาประมือกันแล้ว ซีอุสก็ไม่รู้ว่าจะ
ตัดสินอย่างไร คนหนึ่งก็พี่ชาย อีกคนก็ลูกสาวสุดที่รัก จึงเสนอว่าหากใคร
สร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อชาวเมืองมากที่สุด ผู้นั้นก็มีสิทธิตั้งชื่อเมือง

เทพแห่งท้องทะเลได้ฟังก็ยิ้มกริ่ม บัลดาลให้รถศึกเทียมอาชาสีขาวพ่วง
พีวิ่งอย่างคึกคะนองขึ้นมาจากทะเล ส่วนเอธีนาก็เสกต้นมะกอกขึ้นมาต้นหนึ่ง
โปเซดอนเห็นก็หัวเราะลั่นคิดว่าตนชนะแน่

แต่ผลปรากฏว่าชาวเมืองตัดสินให้เอธีน่าเป็นฝ่ายชนะ เพราะอะไรรู้ไหม
ครับที่เจ้าต้นไม้เล็กๆนี่ชนะรถศึกที่จะตะลุยโจมตีข้าศึกให้พ่ายแพ้
เพราะเอธีน่าได้บรรยายสรรพคุณ ประโยชน์จากส่วนต่างๆของต้น
มะกอกซึ่งก็ใช้ประโยชน์ได้ทั้งต้น อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพอีกด้วย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชาวเมืองที่รักสงบจะเฮเลือกเอธีนาให้ชนะอย่างขาดลอย

ชื่อของโปเซดอนได้นำไปถูกตั้งเป็นชื่อดาวเคราะห์อีกดวงหนึ่งคือ
ดาวเนปจูน (คงเพราะลักษณะจะดูเหมือนผืนน้ำล่ะมั้ง) และชื่อดวงจันทร์บริวาร
ก็คือคนที่โปเซดอนเกี่ยวข้องด้วย

1.ไนแอด
2.ธาเลสซา คนรัก
3.เดสพีนา บุตรี
4.กาลาเทีย นางพรายหนึ่งใน50ของเนเรียส
5.ลาลิสซา คนรัก
6.โปรเทอุส เฒ่าทะเล บุตรของโอเซียนุส
7.ไทรตัน เงือกตัวผู้,นายเงือก
10.เนเรียด นางพรายทะเล
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
เจ้าหญิงพระจันทร์
Admin
Admin
เจ้าหญิงพระจันทร์


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 188
Registration date : 18/04/2007

ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน   ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน EmptySat Apr 28, 2007 10:11 pm

อาเรส(Ares)

มาร์ส(Mars)


บุตรแห่งเฮร่าและมหาเทพซีอุส ผู้ที่ชาวกรีกและโรมันถือว่ามีบทบาทใน
การสงครามสู้รบต่างๆ…นักรบผู้กระหายเลือดผู้สังหารคนนับไม่ถ้วนโดยไม่มี
ความรู้สึกสะทกสะท้าน….เทพเจ้าวีรบุรุษผู้ปกป้องคุ้มครองนักรบให้รอดชีวิต….
และนักรักผู้อ่อนโยน

ชาวกรีกและโรมันอธิบายลักษณะของเทพองค์นี้ว่า มีลักกษณะเป็นชาย
หนุ่มทีมีใบหน้าร่างกายงามสง่า สวมเกราะอาวุธเต็มยศดูน่าเกรงขามและน่าสะ
พรึงในขณะเดียวกัน ขับรถศึกเทียมม้าคึกคะนองห้าวหาญ 4 ตัว อาธิออน
(เพลิงแดง),โฟโบส(ความตื่นกลัว),โฟลจิออส(เปลวเพลิง) และคานาบอส(ความ
ครึกโครม)

ในยามใดที่มีสงคราม เทพอาเรสก็จะกระตือรือร้นในการเข้าร่วม หาก
อาเรสอยู่ฝ่ายใด แม้นักรบฝ่ายนั้นจะเพลี่ยงพล้ำอ่อนล้าหมดกำลังใจเพียงใด อา
เรสก็สามารถดลบัลดาลให้เกิดความฮึกเหิมและพละกำลังให้ และบัลดาลให้ฝ่าย
ตรงข้ามหมดกำลังที่จะสู้ เป็นเสมือนแรงเร้าซึ่งจะตัดสินชะตาว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้
ชนะ

ซึ่งชาวกรีกไม่ค่อยจะพิศมัยเทพแห่งสงครามองค์นี้สักเท่าไหร่ เพราะพวก
กรีกเป็นพวกรักสงบสนใจศิลปวิทยาการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากกว่า แต่พวก
ที่นิยมชมชอบเอเรสก็มี ได้แก่ พวกสปาร์ตัน ซึ่งบูชาอาเรสมาก(เนื่องจากเป็นรัฐปกครองโดยระบบทหารและชอบการทำสงคราม) อาเรสเองก็ชอบพวกนี้
เหมือนกันและใช้เวลาอยู่กับพวกนี้เสียส่วนใหญ่ รวมทั้งกับพวกหญิงนักรบอเม
ซอนด้วย

แต่ในอีกทางหนึ่ง อาเรสก็ยังเป็นนักรักที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ความสามารถใน
การรบอีกด้วย สามารถเกี้ยวอะโฟรไดทีชายาของเฮฟีตุสผู้เป็นน้องชายร่วมอุทร
ได้ ซึ่งเอเรสนั้นก็เป็นชู้รักคนสำคัญของอะโฟรไดทีเลยทีเดียว เชื่อไม่เชื่อก็มีพยาน
รักด้วยกันหลายคนก็แล้วกัน จะไล่เลียงให้ดูนะครับ

อีรอส เทพผู้บัลดาลให้คนรักกัน
แอนเทอรอส เทพแห่งความรัก(ความรักระหว่างหมู่พวก,ความปรองดอง)
ฮาร์โมเนีย
โฟบอส เทพเจ้าแห่งความกลัวและความตกใจ

คิดๆดูแล้วมันก็น่าอยู่นะครับเมื่อเปรียบเทียบกันแล้วระหว่างสามีอย่างเฮฟี
ตุสเทพแห่งการช่างผู้มีรูปร่างอัปลักษณ์และร่างกายพิการอีกทั้งยังบ้างานไม่
สนใจชายาผู้เป็นถึงเทพีที่ได้ชื่อว่างามที่สุดในบรรดาเทพีทั้งปวง กับเทพแห่ง
สงครามผู้อ่อนโยนต่อคนรักและรูปงามล่ำบึ้กแบบนักรบผู้แข็งแกร่ง และมีเสน่ห์
ต่อเพศตรงข้ามอย่างมากถึงมากที่สุด

เรื่องราวของอาเรสกับอะโฟรไดทีนี้มีเรื่องจะเล่าด้วยนะครับ เป็นเรื่องที่ทำ
ให้ทั้งอาเรสและอะโฟรไดทีจำไม่มีลืมเลยทีเดียว

เรื่องมันก็มีอยู่ว่า อาเรสนั้นมักจะแอบแวะเวียนมาหาอะโฟรไดทีเป็น
ประจำ จนมีบรรดายุวเทพตาแป๋วๆดังที่เอ่ยมาข้างบนออกมาหลายต่อหลายคน
โดยที่เฮฟีตุสไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยว่าถูกพี่ชายสวมเขาให้(เพราะมัวแต่ตีเหล็ก)
จนกระทั่งเฮลิออสเทพแห่งดวงอาทิตย์เป็นผู้เห็นและไปบอกเฮฟีตุสในโรงตี
เหล็กในภูเขาเอ็ดน่า

คิดว่าเฮเฟตุสรู้แล้วจะเป็นยังไงล่ะครับ?….เธอก็ยั๊วะจนแทบระเบิดควัน
ออกมาเหมือนภูเขาไฟที่อยู่ยังไงล่ะครับ!!

ท้าวเธอเจ็บใจมาก และลงมือตีเหล็กต่อ!?!

อย่าคิดว่าเฮฟีตุสบ้างานขนาดนั้น เขาไม่ได้ตีอาวุธธรรมดาๆนะครับ

เฮฟีตุสถักทอตาข่ายแบบพิเศษซึ่งทั้งเหนียวและทน แม้กระทั่งเทพเจ้าก็ไม่
อาจทำลายได้ (คงจะผสมความแค้นลงไปด้วยมั้ง)

เมื่อได้ตาข่ายวิเศษแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะชำระความแค้นล่ะครับ เทพแห่ง
การช่างรีบจ้ำอ้าวไปยังห้องของอะโฟรไดทีผู้เป็นชายาตั้งแต่ยังไม่รุ่งสาง ซึ่งอาเรส
ก็ยังไม่รู้ตัวเลยว่าผู้เป็นสามีของอะโฟรไดทีรู้ตัวแล้วว่าตนเองเป็นชู้กับชายาของ
เขา

เฮฟีตุสได้โยนตาข่ายไปยังอาเรสและอะโฟรไดทีขณะที่ทั้งสองยังหลับใหล
อยู่ ทั้งสองก็สะดุ้งเฮือกแต่ดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่หลุด และเฮฟีตุสก็ไดนำทั้งสองลากไป
ประจานทั่วโอลิมปุส แต่ยังไม่หนำใจ ก็เลยแขวนโชว์ไว้ให้เทพทั้งหลายหัวเราะเยาะเย้ยกันถ้วนหน้า ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็ทำให้ทั้งอาเรสและอะโฟรไดทีอับอายจน
อยากแทรกแผ่นดินหนีทีเดียว

อาเรสก็ยังเป็นคนรักของอตาลันต้าผู้มีฝีเท้าลมกรดจนมีบุตรด้วยกันหนึ่ง
คน ชื่อว่าพาร์เธโนพาเออุส อีกทั้งยังมีคนรักมามายและลูกๆก็เยอะไม่ให้เสียชื่อ
บุตรแห่งซีอุสเลยทีเดียว

พูดถึงเรื่องลูก มีเรื่องของลูกสาวคนหนึ่งของเฮดีสที่ทำให้เกิดการพิจารณา
คดีฆาตกรรมครั้งแรกของกรีกเลยก็ว่าได้

เรื่องมันมีอยู่ว่าฮัลลิโลริอุสบุตรชายของเทพโปเซดอนกับนางยูรีที ดันไปขืน
ใจอัลซิปเปบุตรสาวของอาเรสที่เกิดจากนางอัลกริอัส อาเรสก็เลยทำการฆาค
กรรมซะ(สมน้ำหน้า) ก็เลยเกิดเรื่องเกิดราวต้องมาไต่สวนคดีกันยกใหญ่….แต่ผม
ว่าฮัลลิโลริอุสนี่ก็สมควรโดนแล้วนะครับ เห็นด้วยหรือเปล่า

ส่วนในสงครามทรอยนั้น อาเรสได้อยู่ฝ่ายกรีก ก็ถูกพวกอาโรอีเดอียักษ์ฝา
แฝดจับขังไว้ในโอ่งสัมฤทธิ์ กว่าจะได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกครั้งก็ปาไปถึงสิบสาม
เดือน เฮอร์เมสผู้เป็นน้องชายต่างมารดาถึงมาช่วยออกไปได้

อาเรสมีสัตว์ประจำตัวคือสุนัขและเหยี่ยวซึ่งจะติดตามเขาไปในสนามรบ
ด้วย ฉายาอีกหนึ่งฉายาของอาเรสก็คือ กราดิวุส หมายถึง ผู้นำ แม่ทัพ

ชื่อของอาเรสของโรมันก็คือ”มาร์ส” ฮั่นแน่! คุ้นใช่มั้ยครับ ก๊อเป็นชื่อดาว
เคราะห์ดวงที่ 3 ที่ห่างจากดวงอาทิตย์หรือดาวอังคารไงล่ะครับ

ด้วยความที่มันเป็นดาวเคราะห์สีชมพูเข้มดูน่าเกรงขาม ดูเหมือนจะเป็น
ตัวแทนของเทพแห่งสงครามผู้นี้ได้เป็นอย่างดี จึงเหมาะที่จะชื่อมาร์สอย่างเป็น
ที่สุด ดวงจันทร์บริวารของดาวอังคารก็มีชื่อว่า โฟบอสกับเดมีมอส ซึ่งทั้งคู่เป็น
โอรสของอาเรสกับอะโฟรไดที
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
เจ้าหญิงพระจันทร์
Admin
Admin
เจ้าหญิงพระจันทร์


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 188
Registration date : 18/04/2007

ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน   ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน EmptySat Apr 28, 2007 10:12 pm

เฮดีส(Hades)
พลูโต(Pluto)


เทพเจ้าผู้ลึกลับผู้ครองอาณาจักรกว้างใหญ่ไพศาลใต้ผืนพิภพ รวมไป
ถึงทุกสิ่งที่อยู่เบื้องล่างด้วย นับว่าเป็นเทพเจ้าผู้มั่งคั่งร่ำรวยที่สุด เพราะครอบ
ครองทั้งสินแร่ อัญมณีมีค่าที่อยู่ในพื้นดิน

มีลักษณะเป็นเทพที่ชอบเก็บตัว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าโทนมืดๆ เวลาจะ
ไปไหนมาไหนก็จะสวมหมวกเปลวเพลิงซึ่งมีฤทธิ์ทำให้หายตัวได้ เทพเธอก็จะ
ล่องหนไปตามที่ต่างๆโดยไม่ต้องกลัวใครจะมองจะสนใจเธอ

เฮดีสมีศักดิ์เป็นพี่ชายของมหาเทพซีอุส แต่นิสัยแตกต่างจากน้องชาย
พอสมควร ไม่ค่อยจะมีเรื่องราวรักๆใคร่ๆมาเกี่ยวข้อง มีอยู่เพียงครั้งเดียวเท่า
นั้นซึ่งก็คือการลักพาตัวเปอร์เซฟโฟเน่ธิดาของเดมีเตอร์ อันทำให้โลกต้อง
เผชิญความหนาวเย็นตลอดเวลา 9 วันที่เทพีแห่งพืชพรรณตามหาลูกสาว
เมื่อซีอุส สั่งให้ส่งตัวนางคืนมารดา เฮดีสก็หลอกให้เปอร์เซฟโฟเน่กินเมล็ดทับทิม
ไปสี่เม็ด เปอร์เซฟโฟเน่จึงต้องอยู่ที่โลกใต้พิภพเป็ราชินีของเฮดีสเท่ากับจำนวน
เมล็ดทับทิมที่กินไปซึ่งก็คือ 4 เดือน ไม่รู้ว่านางควรจะดีใจรึเปล่า แม้จะได้
สามีเป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่ แต่กลับต้องมาอยู่ในแดนมืดมิดน่าหดหู่เช่นนี้

อาณาจักรของเฮดีสกว้างใหญ่มาก และมีแม่น้ำหลายสายด้วยกัน คือ


1.แอคเคอรอน
แม่น้ำที่ทอดยาวกั้นทางเข้าโลกบาดาล
เป็นสายน้ำที่วิญญาณคนตายทุกคนต้องข้ามเพื่อไปยังเฮดีส(ยมโลก
ของกรีก) โดยจะมีชายแก่นามว่าแครอนเป็นผู้แจวเรือพาข้ามไป แต่เขามีนิสัย
โลภมาก ต้องมีเงินจ่ายค่าจ้างถึงจะยอมพาไป ถ้าไม่มีเงินจ่ายค่าจ้าง
วิญญาณต้องเร่ร่อนนานถึงร้อยปีถึงจะได้ข้ามแม่น้ำไป

ด้วยเหตุนี้เอง ชาวกรีกจึงต้องวางเหรียญไว้ที่ตาหรือในปากของผู้ตาย
ก่อนที่จะฝังหรือเผาเพื่อให้เอาไปใช้เป็นค่าจ้างข้ามแม่น้ำ

2. โคไซตุส
แม่น้ำแห่งน้ำตาหรือการร้องไห้
ว่ากันว่าเป็นที่รวมของหยาดน้ำตาอันโศกเศร้าจากวิญญาณผู้ตายที่
มายังเฮดีส

3. เลเธ
แม่น้ำแห่งการหลงลืม
ซึ่งจะช่วยให้วิญญาณที่เศร้าโศกจากการต้องพรากมายังที่นี่ให้ลืมทุกสิ่ง
ที่เคยเกิดขึ้นก่อนที่จะตาย

4. เฟลเกธอน
แม่น้ำแห่งเปลวเพลิง
ณ.ที่นี่เพลิงแห่งโลกันต์ลุกโชนตลอดเวลา

5. สติ๊กซ์
แม่น้ำแห่งจริงและสัจจะ
หากใครก็ตาม แม้กระทั่งเทพได้ให้สัตย์สาบานและดื่มน้ำแห่งสติ๊กซ์เข้า
ไป จะไม่สามารถกลับคำพูดได้เลย หรือให้ดื่มเพื่อสืบสวนความจริง
ในบรรดาแม่น้ำทั้งห้าสายแล้ว แม่น้ำสติ๊กซ์ดูเหมือนจะเป็นพระเอกที่
โดดเด่นมากในตำนานหลายต่อหลายเรื่องนะครับ เช่น วีรบุรุษแห่งสงคราม
โทรจัน อคิลลิส ก็ถูกมารดาจับจุ่มลงไปในแม่น้ำแห่งนี้เพื่อให้ร่างกายคง
กระพัน(ยกเว้นส้นเท้าที่นางจับเวลาจุ่มบุตรชายลงไป)

ซีอุสก็ดื่มน้ำแห่งสติ๊กซ์เพื่อเอาใจนางเซเมเล่มารดาของไดโอนิซุสเทพ
เมรัย แต่นางเซเมเล่ถูกเฮร่าหลอก จึงทำให้นางถูกรัศมีแห่งเทพของซีอุสแผด
เผาจนเป็นเถ้าถ่าน แต่ซีอุสก็คว้าเอาทารกในครรภ์ของนางออกมาทัน และฝัง
เอาไว้ในต้นขา เมื่อครบกำหนดก็ออกมาทางปากของมหาเทพผู้เป็นบิดา

หรือแม้กระทั่งเมื่อเฮร่าให้กำเนิดบุตรร่างกายพิกลพิการผิดจากการเป็น
เลือดเนื้อเชื่อไขเทพ อย่างเฮเฟตุส ซีอุสก็บังคับให้จอมเทวีไปสาบานต่อแม่
น้ำสติ๊กซ์ว่าเฮเฟตุสเป็นลูกของตนที่เกิดกับเฮร่า ซีอุสจึงยอมรับเฮเฟตุส

นอกจากที่วิญญาณต้องข้ามแอคเคอรอนมาแล้ว ยังมีเซอบีรัส สุนัข
สามหัวของเฮดีส ซึ่งมีร่างกายใหญ่โต มีหางเป็นอสรพิษร้าย คอยเฝ้าทางเข้า
อีกด้วย เพื่อไม่ให้ผู้ที่ยังมีชีวิตล่วงล้ำมาในโลกบาดาลและไม่ให้วิญญาณจาก
โลกบาดาลกลับออกไป(มีคนเป็นๆเข้าไปและออกมาได้ในสภาพเป็นๆเหมือน
เดิมอยู่สองคน คือ วีรบุรุษเฮราเครสหรือเฮอร์คิวลิส และออร์ฟีอุส)

ในโลกบาดาลไม่เพียงแต่เป็นที่พำนักของวิญญาณเท่านั้น แต่ยังเป็นที่
สำหรับลงโทษผู้กระทำความชั่วอีกด้วย

เช่น เหล่าบรรดาธิดาทั้งห้าสิบของดานาอุส ซึ่งพวกนางถูกเรียกว่า”แด
เนียด” หรือ “ดาไนดาอี” พวกได้ได้ฆาตกรรมสามีของพวกนางในคืนแต่งงาน
ตามบัญชาของบิดา เมื่อพวกนางทั้ง 50 ตาย(บางแห่งว่า49 เพราะคนเล็ก
ไม่ยอมฆ่าสามีและพากันหนีไป)วิญญาณต้องถูกลงโทษให้ช่วยกันตักน้ำด้วย
คนโทมาใส่บ่อน้ำให้เต็มจึงจะพ้นความผิดบาป แต่ไม่ว่าจะตักน้ำมามากเท่า
ไหร่ น้ำก็จะค่อยๆหายไป เมื่อถึงบ่อก็ไม่เหลือสักหยด พวกนางจึงต้องตักน้ำ
เช่นนี้ชั่วกัลป์ชั่วกัลป์

และยังมีชายอีกคนหนึ่ง(ผมจำไม่ได้ครับว่าเป็นใคร น่าจะเป็นพระราชาหรือ
เศรษฐีรึเปล่าก็ไม่รู้ ถ้านึกออกจะมาอัพให้) ซึ่งถูกล่ามโซ่ตรวนเอาไว้ที่ต้น
แอปเปิ้ลที่มีผลสีแดงดกเต็มต้น แต่เมื่อเขาพยายามจะกัดลูกแอปเปิ้ลที่อยู่ตรง
หน้า มันก็จะดีดตัวสูงขึ้น ทำให้เขาต้องพบกับความหิวโหยที่แสนทรมาน

เฮดีสมีชื่อเรียกหลายอย่างด้วยกัน
อาดีส
อาอิดีส
ไอโดนิอุส
ดิส
ออร์คุส
พลูโต(ในชื่อเรียกโรมัน)
พลูตอน

ชื่อของเฮดีสได้ถูกนำไปตั้งชื่อดาวที่อยู่ห่างไกลและดูมืดดำลึกลับเหมือน
เทพเจ้าองค์นี้เลย ซึ่งใช้เวลาถึง248.59 ปีโคจรรอบดวงอาทิตย์ มีดวงจันทร์
บริวารเพียงดวงเดียว ซึ่งก็คือ เคอรอน(ก๊อชื่อของตาแก่ที่แจวเรือในแอคเคอ
รอนไงล่ะครับ)
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
เจ้าหญิงพระจันทร์
Admin
Admin
เจ้าหญิงพระจันทร์


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 188
Registration date : 18/04/2007

ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน   ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน EmptySat Apr 28, 2007 10:18 pm

เอธีน่า(Ahena)
มิเนอร์ว่า(Minerva)


เอธีน่าผู้มีนัยน์ตาสีเทา(Athena the Gray Eyes) เป็นบุตรีที่ซีอุสให้
กำเนิดออกมาจากร่างกายตนเอง

มารดาของเอธีน่าก็คือเมทิสเจ้าปัญญา ชายาคนแรกของซีอุสซึ่งเป็นผู้ที่
ฉลาดปราดเปรื่องมาก(เป็นคนทำให้โครนอสคายพี่ๆของซีอุสออกมา) เมื่อเมทิสตั้งครรภ์
ความหวาดระแวงก็เกาะกุมจิตใจของซีอุส ด้วยว่ากลัวเมทิสจะให้
กำเนิดบุตรชายที่จะฉลาด,งดงามและยิ่งใหญ่กว่าตน จึงจับเมทิสกลืนเข้าไป

เวลาผ่านไปนานพอดู จนซีอุสแต่งงานกับเฮร่าและมีทายาทมากมายทั้ง
กับเทพี นางไม้นางพราย และมนุษย์ เรียกว่าจนลืมไปเลยว่าเคยกลืนเมทิส
ที่กำลังตั้งครรภ์ลงไป ซีอุสเกิดปวดขึ้นมาโดยไร้สาเหตุ ปวดมากจนแทบคลั่ง
ให้แพทย์ที่เก่งที่สุดมาดูอาการก็ยังไม่หาย และอาการก็ยิ่งปวดเพิ่มขึ้นทุกที ซี
อุสจึงให้เฮเฟตุสเอาขวามมาจามศรีษะของตนออกมาดูให้รู้ๆไปเลยว่ามันเป็น
อะไรกันแน่

ทันทีที่ขวานแห่งเทพจามลงบนศรีษะของซีอุส ก็มีเทพธิดาผู้หนึ่ง
กระโดดออกมาจากรอยแยกนั้นในรูปลักษณ์เจริญวัยเต็มที่ สวมเสื้อเกราะ
หมวกเกราะพร้อมชุด เทวีนั้นก็คุกเข่าเบื้องหน้าซีอุสและบอกว่าตนชื่อเอธีน่า
บุตตรีแห่งเมทิส


เทวีเอธีน่านั้นถือว่าเป็นเทวีที่มีความงามและฉลาดเหนือผู้ใด และยัง
เป็นลูกที่ซีอุสโปรดปรานมากที่สุดด้วย โดยสติปัญญาของนางก็ดูได้
จากการที่ชนะโปเซดอนในการแข่งขันเพื่อตั้งชื่อเอเธนส์(ดูในโปเซดอนนะครับ)
นางยังเป็นเทพธิดาแห่งชัยชนะที่คอยปกป้องนักรับในสนามรบอีกด้วย

เอธีน่าจะปรากฏตัวในการสู้รบ นางมีอำนาจที่จะตัดสินว่าใครจะอยู่จะ
ไป ในขณะที่เอเรสมอบความรุนแรงดุเดือนเลือดพล่านให้นักรบผู้กระหาย
เลือดที่บูชาสงคราม แต่นางจะมอบความกล้าหาญฮึกเหิมแต่เปี่ยมไปด้วยสติ
ไตร่ตรองอย่างชาญฉลาดและปกป้องผู้ที่ควรเรียกว่าวีรบุรุษหาใช่คนพาลไม่
ซึ่งหากนางเข้าข้างฝ่ายใดแล้วก็มักจะมีชัยเสมอ ด้วยเหตุที่นางได้รับการยก
ย่องเช่นนี้ทำให้นางกับเอเรสไม่ค่อยจะกินเส้นกันสักเท่าไหร่ เรียกได้ว่าหาก
เห็นหน้ากันก็มีอันต้องเขม่นเป็นแน่แท้

และเทพธิดาผู้นี้ก็ได้มอบความพ่ายแพ้และอับอายอย่างใหญ่หลวงให้
แก่เทพแห่งสงคราม ด้วยการเอาชนะการประลองกับเอเรส โดยที่ฝ่ายหลัง
พ่ายแพ้อย่างไม่เป็นท่า งานนี้เรียกได้ว่าอายมากกว่าเจ็บครับ ที่ตัวเป็นเป็น
เทพแห่งสงครามแต่กลับปราชัยให้น้องสาวต่างมารดาอย่างนี้

โดยรวมๆแล้วเอธีน่าเป็นเทพธิดาที่มีจิตใจเอื้ออารีชอบช่วยเหลือผู้อื่น
มาก ในมหากาพย์อีเลียดที่ว่าด้วยสงครามแห่งชาวกรีกและโทรจัน เอธีน่าก็มี
บทบาทในการช่วยวีรบุรุษกรีกหลายครั้ง เช่น หลอกเฮกเตอร์ว่าจะคอยช่วย
และให้มาสู้กับอคิลลิส เป็นต้น

และในมหากาพย์โอดิสซีที่กล่าวถึงการเดินทางกลับบ้านที่อิธาก้าของโอ
ดิสซีอุส วีรบุรุษกรีกที่คิดสร้างม้าไม้ซึ่งทำให้สงครามสิ้นสุดเป็นเวลาถึงยี่สิบปี
เพราะเขาไปทำให้โปเซดอนพิโรธ เอธีน่าก็ช่วยให้เขาพ้นภัยหลายครั้ง

เอธีน่ายังมีบทบาทมากมากโลดแล่นในตำนานการผจญภัยของวีรบุรุษ
อีกหลายคน เช่น

-ช่วยให้การแนะนำในการต่อเรืออาร์โกที่ใช้ในการตามหาขนแกะทองคำ
โดยถ่ายทอดคำพูดผ่านกิ่งของต้นโอ๊คศักดิ์สิทธิ์ที่นำมาทำเป็นหัวเรือ

-บอกวิธีสังหารเมดูซ่าแก่เปอร์ซีอุส

-ช่วยเอเปอีอุสสร้างม้าไม้

-มอบบังเยนวิเศษเพื่อใช้ควบคุมเพกาซัสแด่เบลเลโรฟอน
ฯลฯ

แต่ด้วยว่านิสัยแห่งเทพที่มักจะขึ้นๆลงๆเสมอ เทพธิดาที่แสนดีก็พร้อม
จะโหดได้หากมีใครไปหยามเข้า เช่นในกรณีของอแรคเน่หญิงชาวไลเดียนผู้มี
พรสวรรค์ในการทอผ้าได้อย่างงดงามจนอาจหาญท้าทายเทวีผู้ชาญฉลาด ซึ่ง
เอธีน่าก็รับคำท้าด้วยหวังจะสั่งสอนให้รู้สำนึก ว่าเป็นมนุษย์หาควรท้าทายเทพ
เจ้าไม่ แต่ผลปรากฎว่าผ้าของทั้งสองต่างก็มีความงามอันวิจิตรเท่าเทียมกัน
ทำให้เอธีน่าบันดาลโทสะ สาปให้อแรคเน่กลายเป็นแมงมุม* และให้ชักใยเช่น
ที่นางทอผ้าเป็นลวดลายเช่นนี้ตลอดกาล

เอธีน่ามีที่พำนักอยู่ทั้งบนโอลิมปุสและอโครโปลิสแห่งเอเธนส์ มีต้น
มะกอกเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ และมีฉายามากมายใช้เรียกนาง ไทรโทเนีย(ผู้ที่เกิดสามครั้ง)
,พัลลัส เอธน่า(เอธีนาผู้เป็นพรมจารี),พาเธนอส(เทพธิดาพรม
จารี),โปรมาคุส(ผู้คุ้มครอง)
คำว่าเอธีน่าเป็นชื่อเรียกในภาษากรีก ส่วนในชื่อโรมันก็คือมิ
เนอร์ว่า
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
เจ้าหญิงพระจันทร์
Admin
Admin
เจ้าหญิงพระจันทร์


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 188
Registration date : 18/04/2007

ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน   ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน EmptySat Apr 28, 2007 10:20 pm

อาร์เตมิส(Artemis)
ไดอาน่า(Diana)


เทพธิดาแห่งดวงจันทร์ผู้มีความลึกลับและอารมณ์ขึ้นลงหลากหลายดั่ง
ดวงจันทร์ ทั้งงดงามน่าใฝ่หาดังแสงจันทร์ แต่ในบางครั้งก็มโหดไร้ความ
ปราณีใดๆ

อาร์เตมิสคือน้องสาวฝาแฝดของอโพลลอนหรืออพอลโลสุริยะเทพ เมื่อ
เทพผู้พี่ขับราชรถเทียมดวงตะวันอันร้อนแรงฉายแสงให้ความสว่างอบอุ่นแก่
โลกในยามกลางวัน อาร์เตมิสก็จะรับช่วงต่อหลังจากอาทิตย์อัสดง

นางจะขับราชรถสีเงินยวงอันเปล่งแสงนุ่มนาลเทียมด้วยกวางป่าสีขาว
ราวหิมะเพื่อเป็นแสงโลกในยามที่มืดมนแห่งรัตติกาล

รูปลักษณ์ของนางงดงามและน่าหลงใหลดั่งดวงจันทรา เส้นผมหยัก
เป็นลอนดุจเกลียวคลื่นจะพลิ้วไสวไปตามสายลมยามขับควบราชรถโคจรเหนือ
ม่านฟ้าอันมืดมิด นางจะสวมกระโปรงยาวแค่เข่า(ซึ่งต่างจากเทวีอื่นๆที่จะใส่
กันยาวลากพื้นหรือไม่ก็ปิดข้อเท้า) ข้อศอกและเข่าสวมสนับ ที่หลังจะคาดธนู
และกระบอกใส่คันศรเป็นประจำ รองเท้าก็มีสายคาดพันขึ้นมาครึ่งแข้ง
เพราะนางโปรดปรานการล่าสัตว์และยังมีฝีมือยิงธนูแม่นยำเป็นเลิศ จนได้รับ
ตำแหน่งเป็นเทวีผู้คุ้มครองสัตว์ป่าและการล่าสัตว์อีกหนึ่งตำแหน่ง เวลาที่นาง
ท่องไปในเทือกเขาลำเนาไพรจะมีเหล่านางอัปสรบริวารห้อมล้อม ซึ่งพวกนาง
เป็นพรมจารีเช่นกัน และมีสุนัขล่าเนื้อชั้นดีเป็นฝูงอยูรอบข้าง

แม้อาร์เตมิสจะถือว่าเป็นเทพีที่งามมากนางหนึ่ง(แหม!ก็พี่ชายฝาแฝด
ของนางก็ถือว่าหล่อที่สุดในบรรดาเทพทั้งหลาย น้องสาวจะรูปงามน้อยหน้าได้
อย่างไรล่ะครับ) แต่นางก็เป็น 1 ใน 3 ของเทพีผู้ถือพรหมจรรย์(มีเฮสเทีย ,
เอธีนา, อาร์เตมิส)

เหตุเนื่องจากว่า เมื่อเลโต หรือลาโตน่า มารดาของนางหนีงูไพธอนที่
เฮร่าจอมเทวีส่งมารังควานหมายสังหารให้สิ้นทั้งแม่และลูก จนต้องหนีลง
ทะเล ซึ่งโปเซดอนก็บัลดาลเกาะเดลอสให้ผุดขึ้นมา นางเลโตจึงอาศัยเกาะ
นั่นแหล่ะครับ คลอดฝาแฝดทั้งสองตามลำพัง แต่เนื่องจากทั้งสองนั้นคลอด
ลำบากมาก ซึ่งอาร์เตมิสก็รับรู้ถึงความรู้สึกทุกข์ทรมานของมารดา จึงทำให้
นางไม่อยากจะเผชิญความรู้สึกเช่นนั้น นางจึงขอซีอุสผู้เป็นบิดา ให้นางเป็น
เทวีผู้คุ้มครองการคลอดบุตรและขออนุญาตให้นางเป็นเทวีผู้ครองพรหมจรรย์
ซีอุส(ซึ่งได้รับเสียงสนับสนุนจากเทพหนุ่มไม่หนุ่มทั้งหลาย)ก็พยายามทักท้วง
ให้นางล้มเลิกความตั้งใจนี้เสีย แต่อาร์เตมิสก็คงยืนกรานคำเดิม ซีอุสก็เลย
ต้องยอมทำตามใจบุตรสาว

แต่การตัดสินใจเช่นนี้มันก็นำความทุกข์มากมายมาให้นางมากกว่าที่จะ
ปกป้องตัวนางจากความเจ็บปวดดังที่เคยตั้งใจไว้ เมื่อนางได้พานพบกับหนุ่ม
เลี้ยงแกะนามว่า‘เอนดีเมียน’….

ในคืนหนึ่ง ซึ่งเป็นเหมือนทุกๆคืนที่อาร์เตมิสจะขับราชรถสีเงินออกโคจร
เหนือม่านฟ้า แต่ในคืนนี้ ดวงตาอันใสสว่างของนางก็ทอดลงไปเห็นชายหนุ่ม
เลี้ยงแกะนอนหลับใหลอยู่บนผืนหญ้าอันขียวชอุ่มยังเบื้องล่างลงไป ชายผู้นี้
ช่างสง่างามและหล่อเหลาจนทำให้หัวใจอันเย็นชาต่อบุรุษเพศของอาร์เตมิส
หวั่นไหว นางจึงบังคับรถให้ลงจอดบนพื้นดินไม่ห่างออกไปนัก

ยิ่งดูใกล้ๆ ยิ่งทำให้อาร์เตมิสรู้สึกรักชายชาวมนุษย์ผู้นี้ขึ้นมาในทันที
นางประทับจุมพิตชายหนุ่มเลี้ยงแกะและขับราชรถจากไป

ข้างฝ่ายชายหนุ่มรูปงามนี้ ที่จริงคือเจ้าชายเอนดีเมียนโอรสแห่งเอธลี
ลัส เขาตื่นขึ้นมาหลังจากที่อาร์เตมิสจากไปแล้ว มองรอบข้างก็มีเพียงตนเอง
กับทุ่งหญ้ากว้างไกลไร้ผู้คน จึงคิดว่าเขาฝันไปเป็นแน่แท้ แต่ก็ช่างเป็นฝันที่
แสนดีเหลือเกินจึงนอนต่อ เผื่อว่าจะฝันเช่นนี้อีก

และทุกคืน อาร์เตมิสเมื่อขับราชรถแห่งจันทรามาถึงทุ่งหญ้า ก็จะแวะ
มาจุมพิตเอนดีเมียน ส่วนตัวเอนดีเมียนเองก็เริ่มรู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นเพียง
ความฝัน จึงพยายามยามตามหาสาวงามที่มาจุมพิตเขาไปทั่ว แต่ก็ไร้วี่แวว
จนเขาคิดว่านางต้องเป็นนางไม้หรือนางพรายป่าเป็นแน่แท้

เมื่อนานเข้า เรื่องก็รู้ไปถึงหูซีอุสผู้เป็นบิดาของนาง ซึ่งท่านมหาเทพก็
เกรงว่าสัจจะแห่งเทพอาจจะต้องสูญไป จึงไปพบเอนดีเมียนและบอกเขาว่า
หญิงสาวที่มาจุมพิตเขาทุกคืนก็คืออาร์เตมิส เทพีแห่งจันทราผู้สูงส่ง และนาง
ก็ให้สัตย์ว่าจะถือครองพรหมจรรย์อีกด้วย หากเป็นเช่นนี้ต่อไปก็มีแต่รังจะทำ
ให้นางเสื่อมเกียรติ มันมีทางไขเพียงสองทางซึ่งเอนดีเมียนสามารถเลือกได้

ข้อแรก คือ ซีอุสจะสังหารเอนดีเมียนโดยไม่ให้เขาต้องทรมานแม้แต่
น้อย และข้อสองคือ ซีอุสจะให้เอนดีเมียนนิทราโดยไม่มีวันตื่นในรูปลักษณ์ที่
หนุ่มแน่นเช่นนี้ตลอดกาล

ซึ่งเอนดีเมียนก็ขอเลือกข้อที่สอง ซึ่งว่าเขาจะสามารถฝันถึงเทพธิดา
แห่งดวงจันทร์ชั่วกาลนาน

ซีอุสจึงพาเอนดีเมียนไปยังถ้ำบนภูเขาสูง ณ.ที่นั่น เอนดีเมียนได้ล้ม
ตัวลงนอนบนตักของฮิปนอสเทพแห่งห้วงนิทรา ก่อนที่ดวงตาคู่งามจะปิดลงเขาก็
คิดถึงแต่ภาพของเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ โดยที่มันจะไม่ลืมขึ้นมาอีกเลย

แม้อาร์เตมิสจะเศร้าโศกเพียงใด แต่ก็มิอาจทำอะไรได้ และทุกคืนที่
นางขับราชรถแห่งจันทราออกมา นางก็จะแวะที่ถ้ำแห่งนี้เพื่อจุมพิตชายหนุ่มที่
ไม่มีวันตื่นจวบจนกระทั่งทุกวันนี้

………………………………………………………………………………..

แหม….บทจะรักของนางก็หวานซึ้งจริงๆนะครับ แต่ไอ้ตอนจะโหดก็โหด
ขึ้นมาจนน่าสยองเลยล่ะ

ไอ้เรื่องโหดๆที่รู้กันดีนี้มันเป็นเรื่องของนายพรานสุดโชคดีและสุดซวยที่
สุดในขณะเดียวกัน นามว่าแอคทีออน

แอคทีออนเป็นนายพรานหนุ่มที่มักจะท่องอยู่ในป่าแห่งภูเขาชิทาเอรอน
และล่าสัตว์กับสุนัขล่าเนื้อของเขาอีกฝูงหนึ่ง แต่ว่าวันนี้ก่อนออกจากบ้านเขา
คงไม่ได้ส่องกระจกแน่ๆ จึงไม่เห็นว่าเงาหัวหายไป

ชายหนุ่มก็เข้าไปในป่าเหมือนทุกวันแต่วันนี้เขาไม่รู้ว่าเขากำลังล่วงล้ำ
เขตป่าของอาเตมิสเข้าให้แล้ว ความโชคดีของเขาก็มาถึง เมื่อเขาได้ยินเสียง
หัวเราะอันสดใสของหญิงสาว เขาก็เลยเดินตามเสียงไปด้วยความสงสัยว่าผู้
หญิงที่ไหนมาอยู่ในป่าลึกอย่างนี้ จนถึงสระน้ำกลางป่า เขาก็ได้พบคำตอบ


อาร์เตมิสกับบริวารกำลังแก้ผ้าเล่นน้ำกันอยู่!! เอาล่ะครับ…งานนี้มีการ
จ้องตาค้างจนแทบหลุดออกจากเบ้ากันไปข้างหนึ่งเลย แหม..อย่าว่าอีตาแอค
ทีออนเป็นถ้ำมองโรคจิตเลยนะครับ ก็อาร์เตมิสน่ะงามใช่ย่อยซะเมื่อไหร่ อีก
ทั้งบริวารก็เป็นพวกนางฟ้านางพรายกันทั้งน้าน…ไม่ว่าชายใดได้พบก็ต้องมี
อาการตะลึงงันอย่างนี้ทุกราย

ความโชคดีเพิ่งมาเยือนแต่ความความซวยก็เริ่มบังเกิด เมื่อดวงเนตร
คมกริบของจันทราเทวีเหลือบมาเห็นแอคทีออนเข้า นางโกรธมากที่มีผู้ชายมา
ล่วงล้ำอาณาเขตและยังแอบดูนางเล่นน้ำ อาร์เตมิสจึงสาดน้ำใส่ชายหนุ่ม
พร้อมร่ายคำสาป

และแล้วร่างกายอันแข็งแรงของชายฉกรรจ์ก็ค่อยๆเปลี่ยนไปจนกลาย
เป็นกวางตัวผู้ตัวหนึ่งยืนอยู่แทนที่นายพรานแอคทีออน…แค่นี้ยังซวยไม่พอ
ครับ เสียงสุนัขล่าเนื้อของนายพรานหนุ่มเห่ากันขรม นายพรานในร่างกวางจึง
ต้องวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อให้พ้นจากฝูงสุนัขของตน แต่มีหรือจะพ้น ก็สุนัข
ของเขาเป็นสุนัขชั้นยอดกันทั้งนั้น มันไล่ตามกวางหนุ่มทันและรุมกันฉีกเนื้อ
กวางตัวนี้ออกเป็นชิ้นๆโดยไม่รู้เลยว่านี่เป็นเจ้านายของมัน โอ๊ย!มันเศร้าครับ


ยังมีอีกหนุ่มหนึ่งที่เกี่ยวพันกับจันทราเทวีนางนี้ ซึ่งก็คือโอไรออน…ฮั่น
แน่..ชื่อคุ้นใช่มั้ยล่ะครับ เดี๋ยวจะเฉลยให้ฟังตอนท้าย

โอไรออนนี่เป็นบุตรแห่งโปเซดอน เขาเป็นนายพรานที่เก่งกาจหาตัวจับ
ยากส์…ทีเดียว เลยกลายเป็นสหายสนิทของอาร์เตมิสด้วยว่าชอบล่าสัตว์เช่นกัน
สนิทกันซะจนไปไหนมาไหนด้วยกันอย่างกับปลาท่องโก๋เชียวล่ะครับ
เที่ยวไปในป่าเขาลำเนาไพรด้วยกัน และประลองฝีมือการล่าสัตว์ว่าใครเหนือ
กว่ากันพลางหัวร่อต่อกระซิกอย่างชื่นมื่นทีเดียว ฟังๆดูแล้ว มันชะรอยจะเป็น
ความรักอีกครั้งของอาร์เตมิสใช่มั้ยครับ

แต่ยังก่อน มันไม่มีทางที่จะเป็นเช่นนั้นไปได้อีกเช่นคราวเอนดิ
เมียนแน่นอน เพราะท่านพี่อพอลโลและท่านป๋าซีอุสรู้เรื่องที่อาร์เตมิสไปสนิท
สนมกับนายพรานโอไรออนเข้า ทั้งสองก็เลยต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม

โดยที่อพอลโลก็อาสาว่างานนี้ขอออกโรงเอง

ว่าแล้วอพอลโลก็หยิบคันธนูคู่มือและกระบอกใส่ลูกธนูไปหาอาร์เตมิส
ทันที แสร้งว่าชวนไปเดินเล่นด้วยกันริมชายหาดดูทัศนียภาพที่สวยงามด้วยกัน

มาไม้นี้อาร์เตมิสก็แปลกใจล่ะสิครับ ที่พี่ชายเกิดอยากจะมาโรแมนติก
อะไรกับน้องสาว แต่ก็ตกลงและเดินไปด้วยกัน

สองพี่น้องเดินมาถึงชายหาดขาวสะอาดก็นั่งลงมองดูเกลียวคลื่นและ
ฟองขาวม้วนตัวเข้าหาฝั่งพลางคุยกันเรื่องสัพเพเหระกันตามประสาพี่น้อง
ไปๆมาๆก็โยงไปถึงเรื่องฝีมือยิงธนู อพอลโลก็ถามอาร์เตมิสว่า

“พี่ไม่ได้มาเที่ยวเล่นกับเจ้านานมากแล้ว ไม่รู้ว่าฝีมือยิงธนูของเจ้าจะ
แม่นยำดังเดิมหรือไม่”
ฝ่ายอาร์เตมิสก็ยิ้มให้พี่ชายฝาแฝดแล้วตอบไป “กล่าวเช่นนี้ได้เช่นไร พี่
ท่าน ฝีมือของข้าพี่ก็รู้ว่าไร้ใดเทียม และไม่มีทางจะด้อยกว่าเดิมด้วย”
อพอลโลเลิกคิ้วทำทีว่าไม่ค่อยจะเชื่อ แต่ในใจก็คิดว่าเข้าแผนที่วางไว้
แล้ว

“ดูตรงนั้นเถิด” สุริยะเทพชี้นิ้วไปยังเส้นขอบฟ้าซึ่งน้ำทะเลสีเทอร์คอยส์
ตัดกับท้องฟ้าสดใสของยามสาย หากแต่มีจุดดำเล็กๆปรากฎอยู่ “ที่โพ้นฟ้า
นั่นมีจุดสีดำที่ดูเล็กเพียงมดตัวจ้อย หากเจ้าสามารถยิงถูกจุดนั้นได้ในศรเดียว
พี่จึงจะเชื่อคำที่เจ้ายืนยันในฝีมือ”

อาร์เตมิสมองตามแล้วเหยียดยิ้มอย่างมั่นใจ “คอยดูก็แล้วกันพี่ข้า”

แล้วนางก็หยิบลูกศรออกจากกระบอกมาขึ้นสายธนู สายตาคมกริบจับ
จ้องที่จุดดำที่อยู่ไกลลิบ และลูกธนูก็พุ่งออกไปด้วยความเร็วและโดนเป้า
หมายอย่างแม่นยำ

จันทราเทวียักคิ้วให้พี่ชาย “ว่าอย่างไรล่ะ…ข้าแม่นจริงหรือเปล่า”

อพอลโลก็ตีหน้าเป็นเชิงว่านางมีฝีมือไร้ใดเทียม แต่ในรอยยิ้มนั้นกลับ
แฝงไปด้วยความนัย ที่ได้ลวงน้องสาวให้ยิงเป้าเล็กๆที่อยู่กลางทะเลได้สำเร็จ
ด้วยว่าจุดดำที่เห็นนั้น ที่จริงแล้วก็คือศรีษะของโอไรออนนั่นเอง เขาได้ว่ายไป
ในทะเลตั้งแต่รุ่งสาง(บางแห่งว่าเดินไปบนผิวน้ำ)

ซึ่งอาร์เตมิสก็ได้สังหารสหายที่มีสิทธิกลายเป็นคู่รักได้สูงอย่างพราน
หนุ่มผู้นี้ไปแล้วโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งศพของโอไรออนได้ลอยมาเกยฝั่ง อาร์เต
มิสก็โศกเศร้าที่ได้พลั้งมือสังหารเขา และบันดาลให้ร่างไร้วิญญาณของเขา
กลายเป็นดวงดาวที่สว่างสุกใสที่สุดบนท้องฟ้ายามรัตติกาล ซึ่งก็คือ กลุ่มดาว
นายพรานที่มีชื่อเรียกในภาษาอังกฤษว่ากลุ่มดาวโอไรออนอย่างไรล่ะครับ
โดยอาร์เตมิสก็ยังได้บันดาลให้สุนัขสัตว์ที่ซื่อสัตย์ของโอไรออนขึ้นไปเป็นดาว
อยู่เคียงข้างผู้เป็นนาย ซึ่งก็คือดาวสุนัขหรือซิริอัสนั่นเอง

จะว่าไปแล้วอาร์เตมิสก็มีหน้าที่หลายหน้าที่นะครับ และก็มีชื่อเรียกที่
ต่างกันออกไปตามชาติตามภาษา

อาร์เตมิส ในนามของเทพธิดาแห่งการล่าสัตว์และดวงจันทร์ คือ
เป็นเพียงตัวแทนไม่ใช่ตัวดวงจันทร์เองGoddess of
the moon not The Moon
เซเลเน่ ในนามของดวงจันทร์ คือเป็นดวงจันทร์The Moon(บางตำนานก็
บอกว่าเซเลเน่กับอาร์เตมิสเป็นคนละคน แต่มีรูปร่าง
หน้าตาเหมือนกัน ซึ่งเซเลเน่ไม่ได้เป็นเทวีผู้ถือครองพรม
จรรย์)
ออร์จี ในนามของเทพธิดาแห่งการให้กำเนิดบุตรของกรีก
คาร์ยาทิส ในนามของทูตแห่งความตายของชาวคายาซึ่งเป็นเมือง
หนึ่งในลาโคเนีย
ลูมินา ในนามของเทพธิดาแห่งการให้กำเนิดบุตรของโรมัน


ชื่อในนามของเทพธิดาแห่งดวงจันทร์

-โฟเอบี
-เดเลีย
-ซินเธีย(โรมัน)
-เฮกาตี(บ้างก็ว่าเป็นเทพีแห่งยมโลก บุตรีของเปอร์เซสกับแอสเทเรีย)
-ลูน่า(โรมัน) ตรงกับเซเลเน่
-ไดอาน่า(โรมัน) ตรงกับอาร์เตมิส
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
เจ้าหญิงพระจันทร์
Admin
Admin
เจ้าหญิงพระจันทร์


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 188
Registration date : 18/04/2007

ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน   ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน EmptySat Apr 28, 2007 10:24 pm

อีรอสและไซคี

Eros & Psyche

ในครั้งโบราณกาล ยังมีพระชากรีกองค์หนึ่งซึ่งมีพระธิดาผู้งดงามสามองค์
โดยเฉพาะ”ไซคี” พระธิดาองค์เล็กนั้นงดงามที่สุด จนกล่าวได้ว่าความงามของไซ
คีนั้นแม้แต่บรรดาเทพธิดาและนางพรายที่ว่างามนักหนายังมิอาจเทียบได้ ดวง
จันทร์และดวงตะวันที่เปล่งแสงบนฟากฟ้าก็ยังงามสู้ใบหน้าของเจ้าหญิงน้อยผู้นี้
ไม่ได้ ผู้คนต่างเทิดทูนบูชาความงามของเธอราวกับเธอเป็นเทพธิดา ซึ่งชื่อ”ไซคี”
นี้หมายความว่าจิตวิญญาณ ดั่งที่นางเป็นจิตวิญญาณและหัวใจของทุกคนใน
อาณาจักร

แต่ทว่าความงามกลับเป็นภัยแก่เธอ เมื่อเทพีอะโฟรไดทีนั้นริษยาความ
งามของเธอ เทพีแห่งความงามได้บัญชาอีรอสผู้เป็นบุตรชายคนโปรดให้ใช้ลูกศร
ทองคำทำให้เจ้าหญิงผู้เลอโฉมหลงรักสิ่งที่ชั่วร้ายน่าเกลียดน่ากลัวที่สุด

อีรอสรับคำบัญชาจากมารดาก็รีบคว้าอาวุธแล้วกระพือปีกสีมุกบินผ่านปุย
เมฆสีขาวรอบเขาโอลิมปัสลงไปยังพระราชวังอันเป็นที่อยู่ของไซคีทันที

เมื่อมาถึงพระราชวัง อีรอสก็บินเข้าไปในห้องของไซคีทางหน้าต่าง เทพ
เจ้าแห่งความรักก็มองเห็นไซคีนอนหลับอยู่บนเตียง จึงกระหยิ่มยิ้มย่องว่าจะเอา
ลูกศรแทงแล้วค่อยเนรมิตรสิ่งแสนให้เธอลืมตาขึ้นมาเห็นทันทีนี่แหล่ะ ว่า
แล้วอีรอสก็ค่อยย่องเข้าไปใกล้ร่างไซคีพร้อมกับหยิบลูกศรออกมาเตรียมพร้อม
เมื่ออีรอสเงื้อมือขึ้นหมายจะแทงไซคี เธอก็ขยับใบหน้าและพลิกตัว อีรอสถึงกับ
ตะลึงในความงามของเจ้าหญิงมนุษย์ที่อยู่เบื้องหน้าจึงเผลอทำลูกศรหลุดมือแทง
ถูกตัวเอง

ผลก็เป็นดังที่มันเคยทำให้เป็นมานักต่อนัก หัวใจของอีรอสเต้นแรงขึ้นและ
หลงรักไซคีหมดหัวใจ เขาไม่มีทางที่จะทำร้ายไซคีตามที่มารดาบัญชาได้เลย
อีรอสได้แต่มองดูไซคีอย่างหลงใหลและบินกลับโอลิมปัสก่อนที่เธอจะตื่น

เทพีอะโฟรไดทีสังเกตเห็นว่าบุตรชายคนโปรดที่เคยซุกซนได้เปลี่ยนไปตั้ง
แต่กลับมาจากโลกมนุษย์ จากที่เคยซุกซนก็เอาแต่เหม่อลอย ดูรวมๆแล้วเป็น
อาการที่นางแทบไม่อยากจะคิด !!อีรอสกำลังตกหลุมรัก!!

กล่าวถึงฝ่ายไซคี แม้ว่าเธอจะมีรูปโฉมงดงามเพียงใด ก็กลับไม่มีชายใด
มาสูขอนางสักที จนพวกพี่ๆของเธอแต่งงานไปหมดแล้ว ทำให้พระราชาผู้เป็น
บิดากลัดกลุ้มมาก จึงไปขอคำแนะนำจากวิหารของอะพอลโล ซึ่งก็ได้คำ
พยากรณ์มาว่า

“จงแต่งกายนางให้สง่า แล้วนำพาไปพงไพรสุดไกลห่าง อันสิ้นไร้ซึ่งผู้คน
จะเดินทาง ณ.ใจกลางป่าไม้แห่งภูตพราย ปีกแห่งอสูรกายจักโบกบินมารับบุตรี
เจ้า พาไปยังยอดสูงสุดของภูผาชัน เพื่อเป็นคู่ชีวันแห่งจอมนาคาผู้ยิ่งใหญ่
อำนาจนั้นไซร้เทียมโอลิมเปียนจอมเทวา”

พระราชาจึงต้องส่งไซคีไปยังเชิงเขาอันเป็นที่อยู่ของผู้อมตะเพื่อปกป้อง
อาณาจักร เจ้าหญิงน้อยก็ร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวในตัวอสุรกายที่ต้องไป
เผชิญ แต่แล้วเซฟีรุสเทพเจ้าแห่งลมตะวันตกก็หอบเอาร่างของเธอขึ้นไปยังยอด
เขา
ไซคีต้องประหลาดใจที่สถานที่แห่งนี้ไม่ได้น่ากลัวเลย มันสวยงามยิ่งกว่า
พระราชวังแห่งกษัตริย์ใดๆเสียอีก ราวกับว่ามันเป็นดั่งที่อยู่แห่งเทพก็ไม่ปาน มี
สวนอันร่มรื่นปลูกพันธุ์ไม้ที่แปลกตาสีสันระยิบระยับเหมือนเพชรพลอย น้ำพุบ่อ
ใหญ่ก็พวยพุ่งสะท้อนแสงแดดอ่อนๆเป็นสีรุ้ง และมีทางเดินเป็นแผ่นหินอ่อนสี
ขาวทอดยาวไปสู่ตัวคฤหาสน์หลังใหญ่ และเธอก็ได้ยินเสียงอันทรงอำนาจดังขึ้น
เขาบอกว่าเขาเป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้และเป็นสามีเธอ เขาบอกให้เธอไปไหน
มาไหนในบ้านนี้ตามสบาย ซึ่งก็มีคนรับใช้ที่มองไม่เห็นคอยรับใช้ เสิร์ฟอาหารรส
เลิศ และบรรเลงเพลงขับกล่อมยามที่เธอเข้านอน

ไซคีอยู่ที่คฤหาสน์แสนวิเศษอย่างมีความสุข ซึ่งเธอก็ไม่เคยเห็นเจ้าของ
คฤหาสน์ผู้เป็นสามีของเธอเลย เพราะเขาจะมาหาเธอในเฉพาะยามกลางคืนเท่า
นั้นและไม่ยอมให้เธอจุดตะเกียง แต่เขาก็ดีกับเธอมากจนเธอคลายความหวาด
กลัวและคิดว่าเขาไม่ใช่อสูรกายที่โหดร้ายโดยแน่แท้

แต่เมื่อเวลาผ่านไป ไซคีก็คิดถึงครอบครัวจึงขออนุญาตอีรอสให้พาพี่สาว
มาเยี่ยมเธอ ซึ่งพี่สาวของเธอต่างแปลกใจที่เธอยังมีชีวิตอยู่ พวกเธอคิดว่าไซคีคง
จะถูกสัตว์ร้ายบนเขากินไปแล้ว เจ้าหญิงทั้งสองก็ตื่นตะลึงในความงามและความ
ใหญ่โตอันเต็มไปด้วยสิ่งของล้ำค่าของสถานที่ที่น้องสาวอาศัยอยู่ก็เกิดความ
ริษยาขึ้นมา พวกเธอก็ซักไซ้เกี่ยวกับเจ้าของคฤหาสน์โดยไม่มีความเกรงใจ และ
เมื่อทราบว่าไซคีไม่เคยเห็นหน้าเขา พวกเธอก็พูดไปต่างๆนาๆว่า

“เขาอาจจะอัปลักษณ์อย่าสุดแสน หากมาตรแม้นต้องซ่อนกายถึงเพียง
นั้น”

“หรือว่าเขาเป็นอสูรกายที่น่าสะพรึงกลัวกัน คอยขย้ำเมื่อเจ้ามิทันระวังตัว”

แม้ไซคีจะแก้ต่างว่าเขามีความอ่อนโยนและดีกับเธอมาก แต่พี่สาวอีกคนก็
ยังต่ออีกว่า

“โธ่เอ๋ย!แม่น้องพี่ ก็เจ้าไร้เดียงสาเสียเพียงนี้ จะทันทีเลห์ปีศาจอย่างไรได้
ทุกคำหวานที่มันพร่ำพูดไป อาจกระหยิ่มในใจใช่พูดจริง”

เมื่อถูกพี่สาวทั้งสองพูดกรอกหูมากเช่นนี้ และเธอก็ยังไม่เคยเห็นหน้าอีรอส
เลย ก็ทำให้ใจเธอก็ยิ่งหวั่นไหว

และพี่สาวทั้งสองกลับไป เจ้าหญิงน้อยก็รีบเอาตะเกียงและมีดไปซ่อนไว้ใต้
เตียง

อีรอสก็มาหาเธอในตอนกลางคืนเช่นเคย

เมื่ออีรอสหลับ ไซคีก็หยิบตะเกียงขึ้นมาจุด แสงไฟที่ส่องไปยังร่างที่หลับ
ไหลนั้นทำให้ไซคีตกตะลึง เพราะเธอกำลังเห็นชายที่รูปงามที่สุดที่เธอเคยเห็น
เขาดูเป็นคนอ่อนโยนเฉกเช่นน้ำเสียงของเขาเวลาที่พูดคุยกับเธอ ใบหน้าของเขา
งามราวภาพวาดจากหัตถ์แห่งเทพ กลางหลังมีปีกสีขาวมุกส่องประกายเรื่อเรือง
และผิวกายของเขาเปล่งประกายคล้ายเป็นรัศมีอ่อนๆแห่งราชรถอพอลโล

ไซคีมองอีรอสและหลงรักเขาเต็มหัวใจทันที ความหวาดระแวงทั้งปวงได้
หายไป แล้วเธอก็ค่อยๆขยับตัวจะเก็บตะเกียง แต่น้ำมันร้อนหยดหนึ่งก็หยดลง
บนแขนของอีรอส เขาก็ลืมตาสีไพลินขึ้นทันที ใบหน้างดงามดูเจ็บปวดใจ

“เจ้าฝ่าฝืนคำข้า” อีรอสพูดและกางปีกสีมุกบินออกไปทางหน้าต่างทันที
เสียงกังวาลดังมาตามสายลม “เราไม่อาจอยู่ร่วมชายคาต่อไปได้ หากสิ้นไร้ความ
เชื่อใจและไว้ใจ ข้าก็ขอจากไปไม่รอรี”

ไซคีวิ่งตามและกระโดดออกจากหน้าต่าง แต่เซฟีรุสก็รับตัวเธอเอาไว้ได้
ก่อนที่ร่างของเธอจะหล่นลงกระแทกกับพื้นจนร่างแหลกเหลว ซึ่งไซคีก็หมดสติไป

เจ้าหญิงน้อยตื่นขึ้นพร้อมกับความเจ็บปวดหัวใจในยามเช้า เธอรักอีรอส
จนถอนตัวไม่ขึ้น ใจหนึ่งเธออยากตายไปเสียหากไม่มีเขา แต่เธอก็คิดได้ว่าจะมี
ประโยชน์อะไรเล่าหากเธอตายไป น่าละอายเสียเปล่า และเธอจะทำให้อีกหลาย
คนเสียใจกับการกระทำของเธอด้วย สู้ตามหาอีรอสและขอให้เขายกโทษให้กับ
ความโง่เขลาของเธอจะไม่ดีกว่าหรือ

ว่าแล้วเธอก็เดินหน้าต่อไปอย่างไร้ซึ่งจุดหมายปลายทาง โดยหวังว่าไม่วัน
ใดวันหนึ่งก็ต้องได้พบสามีของเธอแน่นอน

จนตกเย็น เธอก็มาถึงวิหารของเทพีเดมีเตอร์ ซึ่งเธอก็อ่อนล้าจากการเดิน
ทางตากแดดตากลมมาทั้งวันเหลือเกิน จึงจะขอเข้าไปอาศัยร่มเงาของวิหารนอน
พักให้คลายเหนื่อย

แต่เมื่อเข้าไปในวิหารก็พบว่ามีกองพืชพรรณธัญญาหารวางระเกะระกะไป
หมด เห็นได้ชัดว่าพวกชาวไร่ชาวนานั้นเก็บเกี่ยวมาทั้งวันจึงอ่อนแรงเกินกว่าจะ
จัดวางให้เป็นระเบียบได้ ไซคีจึงจึงจัดการเก็บกวาดและเรียงผลผลิตเหล่านั้นให้
สะอาดเรียบร้อย

ซึ่งเทพีเดมีเตอร์นั้นพอใจมากที่ไซคีช่วยเก็บกวาดวิหารให้ตน และทราบ
เรื่องราวของเธอและอีรอสดี จึงปรากฏกายให้เธอเห็นและแนะนำ

“ไซคีเอ๋ย…เจ้าช่างเป็นสาวน้อยที่มีจิตใจดีมากคนหนึ่ง…ข้ารู้ซึ่งสิ่งเจ้า
ต้องการ….เจ้าเดินทางยาวนานตามหาใคร”

“….ฟังเถิดเจ้าหญิงผู้เป็นมิ่งแห่งวิญญา…จงมุ่งหน้าไปยังวิหารแห่งอะโฟร
ไดที และเอ่ยวจีสวดอ้อนวอน เจ้าอาจได้พรแห่งรักสมอุรา”

ไซคีก็ได้ออกเดินทางตั้งแต่รุ่งสางด้วยหัวใจเบ่งบาน เมื่อมาถึงวิหารแห่งอะ
โฟรไดที เธอก็ได้คุกเข่าลงและอ้อนวอนภาวนาให้อะโฟรไดทีช่วยให้เธอได้พบกับ
สามีอีกครั้ง

อะโฟรไดทีไม่เพียงจะไม่ปฏิเสธคำขอร้องของเธอ แต่ยังรับปากอีกด้วยว่าจะช่วย

อ๊ะ!อ๊ะ! อย่าคิดว่าเจ้าแม่แห่งความรักผู้นี้จะหายเกลียดชังเจ้าหญิงน้อยผู้
งามกว่านางแล้วนะครับ

อะโฟรไดทีรับปากก็จริง แต่มีเงื่อนไขมหาหินมหาโหด 3 ข้อด้วยกัน ถ้า
ทำไม่ได้แม้แต่ข้อเดียว ต้องเลิกพูดกันทันที

ประการแรก หลังจากที่ไซคีได้พักผ่อนแล้วหนึ่งคืน อะโฟรไดทีก็พาเธอมา
ที่ห้องแห่งหนึ่ง ซึ่งในห้องนั้นมีเมล็ดพันธุ์พืชหลายชนิดปะปนกับเต็มพื้นไปหมด

“ดูเถิด…บนพื้นมีเมล็ดมากมายหลายชนิด จงคัดแยกออกจากกันอย่าให้
ผิด ก่อนอพอลโลผู้ศักดิ์สิทธิ์จะจากจร” อะโฟรไดทีกล่าว “แล้วข้าจะกลับมาใน
ยามนั้น หากไม่ทันก็ไร้คำใดๆ เจ้าต้องไปให้ไกลก่อนราตรี”

ไซคีเห็นกองภูเขาย่อมๆของเมล็ดพืชหลากหลายนี้ ก็แทบอยากจะร้องไห้
แต่เธอก็ปลอบใจตัวเองว่าต้องเข้มแข็ง ถ้าเธอทำได้ทั้งหมด เธอก็จะได้พบอีรอส

ทางฝ่ายอีรอส ซึ่งยังคงรักเธอไม่เสื่อมคลายและแอบเฝ้าดูแลคุ้มครองเธอ
เสมอ ก็ได้ส่งกองทัพมดไปช่วยเธอ ซึ่งไซคีทั้งประหลาดใจและดีใจ ที่อยู่ๆก็มีมด
มากมายเดินเข้ามาและช่วยคัดแยกเมล็ดพันธุ์ แรงงานแสนขยันนี้ก็คัดแยกเมล็ด
พันธุ์ทุกเมล็ดอย่างเรียบร้อยก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน

ไซคีกล่าวขอบคุณพวกมด ซึ่งมันก็รีบแยกย้ายกันกลับรังเพราะมันได้ทำ
หน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเสร็จแล้ว

เมื่อตะวันคล้อยต่ำดั่งจะจุมพิตห้วงธรณี เทพธิดาอะโฟรไดทีก็เยื้องย่าง
มายังมหาวิหารด้วยอารมณ์แสนสดใส ด้วยคิดว่าเจ้าหญิงน้อยนั้นทำงานที่ตนสั่ง
ไม่ได้แน่ ยิ่งเห็นไซคีก้มหน้างุดเมื่อเห็นตนก็ยิ่งนึกว่าตนเป็นฝ่ายชนะ

แต่พอเข้าไปในห้องเก็บเมล็ดพืชแล้ว เจ้าแม่แห่งความรักและความงามก็
ต้องเก็บอารมณ์โมโหแทบไม่ทัน เมื่อเห็นว่าทั้งห้องนั้นสะอาดเรียบร้อย เมล็ด
พันธุ์ทุกเมล็ดถูกแยกตามชนิดใส่ในแต่ละกระสอบที่วางเรียงรายอยู่ข้างฝา

อะโฟรไดทีเชิดใบหน้าขึ้นและมองไซคีที่ยิ้มอย่างอ่อนหวานจริงใจให้นาง
แต่สายตาของอะโฟรไดทีนั้นเย็นชาและเกลียดชัง นางกล่าวกับเจ้าหญิง

“จงยิ้มไปก่อนเถิดไซคี แต่อย่านึกจะมีทางชนะอีกต่อไป”

เทพีแห่งความงามก็ส่งขนมปังอันหยาบกระด้างให้ไซคี และนางก็จากไป

เมื่อดวงจันทราจากลาสุริยาเคลื่อนมาแทน อะโฟรไดทีก็มาหาไซคีอีก
นางสั่งให้เจ้าหญิงน้อยข้ามแม่น้ำไปเก็บขนแกะจากฝูงแกะที่มีขนเป็นทองคำมาทุกตัว
ซึ่งแกะพวกนี้มันดุร้ายมาก เทพีแห่งความงามก็ถามไซคีกลั้วด้วยเสียงหัวเราะเยาะ

“แกะทองคำพวกนี้ ช่างมีฤทธีมากมาย หากว่าตัวนั้นเจ้ากลัวตาย
จะกลับกายกลับใจก็ใคร่ทัน”

แต่ไซคีก็ตอบด้วยความกล้า

“โอ้ ท่านเทวีผู้สูงศักดิ์ ข้ารู้สึกซึ้งใจนักที่ท่านห่วง หากยามนี้ข้าไร้ซึ่งสิ่งทั้ง
ปวง จะแตกดับหรือโชติช่วงไม่ต่างกัน”

แล้วไซคีก็มุ่งหน้าออกจากวิหารไปยังสายธาร เธอก็เห็นฝูงแกะขนทองคำ
กำลังเล็มกินยอดหญ้าสีเขียวขจีอยู่ฝั่งตรงข้าม เจ้าหญิงน้อยจึงถลกชายกระโปรง
ขึ้นเหนือเข่าเพื่อเตรียมจะลุยน้ำ แต่แล้วนางก็ได้ยินเสียงที่ฟังเป็นมิตรดังขึ้นมา

“เจ้าหญิง…เจ้าหญิง…หยุดก่อนเจ้าหญิง หากไปในยามนี้ ก็เห็นทีวาย
ชีวา เนื่องด้วยตอนนี้เชษฐาดวงจันทรา สถิตย์ฟ้าแสงส่องแสนเจิดจ้า แกะเลอค่า
ยิ่งแสนร้ายเหนือคณา จงรอก่อน..รอจนตะวันผ่อนอ่อนแสงล้า เมื่อนั้นมันจะหยุด
นิ่งทอดกายา เข้าสู่ห้วงนิทราทุกตัวตน แล้วเจ้าจึงค่อยข้ามพ้นสายธารา เก็บเส้น
ทองคำที่ติดตามหนามพฤกษา นำไปถวายเทพธิดาผู้ต้องการ”

ไซคีก็ทำตามคำแนะนำ เธอเฝ้าคอยจนบ่ายคล้อย ซึ่งดวงอาทิตย์ลดแสง
อันร้อนแรงลง พวกแกะขนทองคำก็พากันล้มตัวลงนอนตามเงาไม้

เจ้าหญิงน้อยก็ข้ามลำธารและไปเก็บขนแกะที่ติดอยู่ตามไม้หนามจนได้เต็ม
กระสอบ แล้วจึงกลับไปหาอะโฟรไดที

เทพธิดาก็ยิ่งฉุนไปใหญ่ ที่ไซคีไม่ถูกฝูงแกะที่ดุร้ายรุมทำร้ายจนตายที่ไป
เอาขนของมันมาอย่างนี้ นางก็ยื่นเปลือกขนมปังแข็งๆหนึ่งชิ้นให้ไซคีให้รับ
ประทานเป็นอาหาร แล้วนางก็จากไปเช่นเดิม

ไซคีก็กัดขนมปังแสนอนาถานั้นด้วยความหิว แต่ในใจของเธอกลับมีแต่
ความสุข เพราะเหลืองานเพียงชิ้นเดียวก็จะได้พบกับสามีผู้เป็นที่รักยิ่งของเธอ
แล้ว เขาเป็นสิ่งเดียวที่เหนี่ยวรั้งหัวใจของเธอไว้ไม่ให้ยอมแพ้กับสิ่งยากลำบาก
ต่างๆที่เผชิญมาแล้ว รวมถึงสิ่งต้องเผชิญต่อไปในภายภาคหน้า เธอล้มตัวลง
นอนอย่างอ่อนล้า และคิดว่าวันพรุ่งนี้จะมีอะไรรอเธออยู่

รุ่งเช้าอะโฟรไดทีก็มาบอกไซคีถึงภารกิจอย่างสุดท้าย

“สิ่งที่สามซึ่งข้าให้ทำนั้นแสนสบาย เพียงบ่ายหน้าไปยังเฮดีสที่มืดมิด
มอบบทองปิดสนิทให้เปอร์เซฟโฟนี บอกว่าตัวข้านี้เทพธิดาอะโฟรไดที
ขอแบ่งปันความโสภีจากจอมนาง”

เจ้าหญิงน้อยฟังก็ถึงกับอึ้ง งานชิ้นนี้เธอคงทำไม่ได้แน่ ฟังดูเหมือนจะง่าย
ก็จริง แต่ว่าไม่มีใครเข้าไปในเฮดีสทั้งที่เป็นๆนี่นา

เธอเดินไปก็ร้องไห้ไป แต่ว่าน้ำเสียงอ่อนโยนที่เคยช่วยเธอไว้ก็ดังแว่วมา
ตามสายลม

“จะร้องไปก็ไร้ประโยชน์เปล่า มาเถิด…ข้าจะเล่าบอกเส้นทางข้างล่างให้
เช็ดน้ำตาแล้วนิ่งเถิดแม่ยาใจ ไม่มีสิ่งใดไซร้ไกลเกินจริง”

เสียงนั้นแนะนำเส้นทางที่ปลอดภัยโดยให้เธอลงเรือแจวข้ามแม่น้ำแอคเคอ
รอน ซึ่งจะมีชายแก่ชื่อแครอนเป็นคงพาย และเธอต้องจ่ายเงินให้เขา

จากนั้นก็ต้องผ่านเซอร์บิรัสสุนัขสามหัวซึ่งมีหางเป็นอสรพิษ เธอต้องอย่า
กลัวและร้องเพลงให้มันฟัง แล้วมันก็จะสงบ ซึ่งเธอก็จะผ่านเข้าไปได้และให้ออก
มาด้วยวิธีเดิม

แล้วเสียงนั้นยังย้ำอีก ว่าเธอจะต้องไม่กินอาหารของโลกบาดาลเป็นเด็ด
ขาด เพราะถ้าเธอกินเข้าไปเธอก็ต้องติดอยู่ที่นั่นตลอดกาล ซึ่งมันเป็นกฎที่ไม่มี
ใครผืนได้ แม้แต่ผู้เป็นเทพอย่างเปอร์เซพโฟนีก็ยังต้องอยู่ที่นั่นตามจำนวนเมล็ด
ทับทิมที่กินเข้าไป

อีกทั้งเธอจะต้องไม่เปิดบเป็นอันขาด ไม่ว่าจะอยากรู้เพียงไรก็ตามว่ามีสิ่ง
ใดอยู่ข้างใน

ไซคีรับงผู้ปรารถนาดีอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ แล้วเธอก็ลงไปตาม
ทางที่เขาบอก เธอจ่ายเงินให้แครอน ชายแก่ก็พาเธอข้ามไปเฮดีส พบกับเซอร์บิ
รัสก็กล่าววาจาอันอ่อนโยนและร้องเพลงให้มันฟัง มันก็กลายเป็นสุนัขเชื่องๆ
ธรรมดาๆตัวหนึ่งเท่านั้น(ยกเว้นหัวสามหัว หางเป็นงู และตัวใหญ่อย่างกับยักษ์)

และเธอก็เข้าเฝ้าราชินีแห่งโลกบาดาล และบอกจุดประสงค์ที่มา

ซึ่งเปอร์เซฟโฟนีรับบแล้วก็ให้เธอนั่งรอ นางก็เข้าไปข้างใน ชั่วครู่เทวีแห่ง
เฮดีสก็ออกมาแล้วมอบบคืนให้ไซคี

เมื่อไซคีออกมาจากเฮดีสแล้ว เธอก็ใคร่รู้ว่าความงามที่อะโฟรไดทีให้มาขอ
จากเปอร์เซฟโฟนีมันมีหน้าตาอย่าไร และอีกนัยหนึ่ง เธอก็อยากได้ความงามสัก
นิดมาเติมให้ตนเอง เพราะหลังจากอีรอสจากไป เธอก็ทั้งรอนแรมมาไกลรวมถึง
ต้องตรากตรำทำงานอีก เธอคงจะดูโทรมลงกว่าเดิมลงไปถนัดตา เธออยากดูสวย
ให้มากที่สุดเมื่อได้เจออีรอส

เจ้าหญิงน้อยจึงเปิดบออก ซึ่งก็มีควันขาวดั่งหมอกพวยพุ่งออกมา แล้ว
สติเธอก็เลือนลงเข้าสู่ห้วงนิทรา

ฝ่ายอีรอส เทพหนุ่มไม่เห็นไซคีกลับมาเสียทีก็เป็นห่วง จึงกางปีกสีมุกแล้ว
บินไปดู ก็พบร่างอันไร้สติของไซคีทอดกายอยู่บนผืนหญ้า ข้างๆนั้นมีบทองคำ
ซึ่งเปิดแง้มอยู่ อีรอสจึงรีบปิดบและช่วยให้ไซคีตื่นจากนิทรา

ไซคีค่อยๆลืมตาขึ้นมาด้วยความง่วงงันมิทันจาง แต่เมื่อเห็นใบหน้างาม
สง่าที่เธอไม่เคยลืม มนต์สะกดแห่งนิทรารมย์ก็หายไปสิ้น เธอยิ้มด้วยความดีใจ
เป็นสุดแสน ดูละม้ายดั่งมวลบุพผาจะเบ่งบานทั้งโลกด้วยรอยยิ้มของเธอ

อีรอสก็ชี้ให้ไซคีเห็นถึงความยุ่งยากที่เกิดจากความอยากรู้อยากเห็นของ
เธอ “ตระหนักมั่นไว้ในใจเถิด…แม่ยอดรัก ที่เราสองต้องพรากไกลจักเหตุใด
ถ้ามิใช่ความอยากรู้แห่งนงคราญ”

ไซคีก็สวมกอดอีรอสด้วยความคิดถึงและกล่าวให้เขายกโทษให้เธอ “ข้าขอ
อภัยในเรื่องเก่าก่อน ที่ผ่านมามันได้สอน ยามดวงใจจากจรเป็นเช่นไร ในยามนี้
และต่อไปจะมีไม่ สิ่งที่ข้ายึดมั่นคือเชื่อใจ มิสงสัยให้ท่านหลีกไกลดั่งแล้วมา”

อีรอสจึงพาไซคีไปยังโอลิมปัสและขอซีอุสให้มอบความเป็นอมตะให้กับเธอ
ซึ่งซีอุสก็มอบแอมโบรเซียในถ้วยทองคำมาให้ เมื่อไซคีดื่มเข้าไปก็รู้สึกถึงพลังแห่ง
ความเป็นอมตะไหลเวียนไปทั่วร่าง ผิวขาวนวลของเธอเปล่งประกายเช่นชาวเทพ
และความงามของเธอก็มากขึ้นกว่าเดิม

เทพทั้งปวงก็ปรากฏกายให้เธอเห็นและกล่าวต้อนรับเธอเข้าสู่ครอบครัว
อะโฟรไดทีก็สิ้นซึ่งความเกลียดชังทั้งปวงต่อไซคี นางเข้าสวมกอดไซคีอย่างอบอุ่น

อีรอสและเจ้าหญิงไซคีก็ครองคู่กันอย่างมีความสุขตราบจนชั่วนิจนิรันดร์
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
เจ้าหญิงพระจันทร์
Admin
Admin
เจ้าหญิงพระจันทร์


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 188
Registration date : 18/04/2007

ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน   ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน EmptySat Apr 28, 2007 10:33 pm

ไดโอนีซุส(Dionysus)
แบ็คคุส(Bacchus)

แหม…จะเล่าเรื่องของเทพองค์แล้วรู้สึกมึนๆเหมือนเมาเหล้ายังไงก็ไม่รู้
ทั้งๆที่ไม่ได้แตะเลย..…ก็เพราะเขาเป็นเทพแห่งเมรัยอย่างไงล่ะ

ไดโอนีซุสนี้มีการกำเนิดที่ค่อนข้างแปลกองค์หนึ่ง ซึ่งเคยเอ่ยถึงบางส่วน
แล้วในเรื่องของแม่น้ำสติ๊กที่อยู่ในเฮดีส ไดโอนีซุสเป็นบุตรของซีอุสและเซเมเล่

ผมจะเล่าให้ฟังละเอียดๆเลยนะครับ(อย่าเพิ่งเบื่อก่อนล่ะ) ถ้าจะนับไป
แล้ว 1.เซเมเล่ก็คือหลานทวดของซีอุสนั่นเอง 2.บางตำราก็เป็นหลานตา

1.ซีอุส+เฮรา=อาเรส
อาเรส+อะโฟรไดที=ฮาร์โมเนีย
ฮาร์โมเนีย+แคดมัส=เซเมเล่

2.ซีอุส+อีเลคตร้า=ฮาร์โมเนีย
ฮาร์โมเนีย+แคดมัส=เซเมเล่

จะว่าเป็นอะไรกันก็แล้วแต่ ที่แน่ๆคือเซเมเล่นั้นงามหมดจดจนซีอุสมิ
อาจห้ามใจได้ จึงจำแลงแปลงกายเป็นชายชาวมนุษย์ไปอยู่ร่าวกับนาง และ
เรียกว่าทั้งรักและหลงสุดๆเลยล่ะ เมื่อเซเมเล่ตั้งครรภ์ ซีอุสก็ยินดีจนกระทั่ง
ยอมดื่มน้ำจากแม่น้ำสติ๊กซ์และสาบานว่า หากเซเมเล่ต้องการพรอะไร ท่านก็
จะทำให้ทุกอย่าง

เรื่องนี้รู้ไปถึงหูของเฮราเข้า ซึ่งเจ้าแม่แห่งสวรรค์ที่เกลียดชังบรรดาบ้าน
เล็กบ้านน้อยของซีอุสทุกคนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และยิ่งเซเมเล่คนนี้ยิ่งน่า
หมั่นไส้กว่าใครๆ เพราะซีอุสไปขลุกอยู่กับเธอตลอดและยังยอมสาบานด้วยคำ
สาบานที่ไม่อาจลบล้างได้อีกด้วย เฮราจึงวางแผนจะทำลายเซเมเล่เสีย

เฮราแปลงกายเป็นพี่เลี้ยงของเซเมเล่ไปหาเจ้าหญิงโฉมสะคราญ และยุ
ให้เธอขอให้ซีอุสปรากฏตัวให้เห็นในรูปร่างและอาภรณ์แห่งเทพแบบเต็มยศ

เซเมเล่ก็ไม่ระแวงเลย เธอก็นึกอยากจะเห็นเหมือนกัน คิดว่าซีอุสที่
จำแลงกายปิดบังรัศมีเทพยังสง่างามถึงเพียงนี้ คงจะสง่างามมากจนไร้ใด
เปรียบในร่างแท้จริง นางจึงขอให้ซีอุสทำเช่นที่เฮรายุยงเธอ

ซีอุสก็พยายามบ่ายเบี่ยงให้เธอขอพรข้ออื่นเถิด และอธิบายกับเธอว่า
หากตนปรากฏตัวในร่างเทพเจ้า เธอจะต้องถูกรัศมีแห่งเทพแผดเผาจนเป็น
จุณ แต่เซเมเล่ก็ไม่รับฟังคำเตือน ตัดพ้อซีอุสนานาประการ และยืนกรานพร
ข้อเดิม

ซึ่งซีอุสก็มิอาจขัดได้ เนื่องจากอาณุภาพแห่งน้ำจากสติ๊กซ์ จำใจต้อง
ปรากฏร่างแห่งเทพเจ้าให้เซเมเล่ดู ซึ่งรัศมีที่เปล่งออกจากตัวมหาเทพนั้น
สว่างและร้อนแรงจนแผดเผาร่างกายอันงดงามของเซเมเลเป็นเถ้าถ่านในเวลา
ชั่วพริบตา

แต่ก่อนที่เซเมเล่จะสิ้นใจนั้น ซีอุสได้คว้าเอาทารกในครรภ์ของนางมาฝัง
ไว้ในต้นขาของตน ทารกน้อยจึงรอดตายแบบเส้นยาแดงผ่าแปด

เมื่อทารกอยู่ในต้นขาของบิดาผู้เป็นมหาเทพจนครบกำหนดคลอด ก็
ออกมาจากปากบิดา และซีอุสก็ได้นำไปฝากให้นางไฮยาเดสทั้งเจ็ดซึ่งเป็น
บุตรีของแอตลาสกับเพลอิโอเน่เลี้ยงดูในถ้ำใกล้ๆภูเขานีซา ซึ่งพวกนางก็มีชื่อ
ดังนี้ คลีเอยา,โคโรนิส,ยูโดร่า,ฟาเอโอ,ฟาเอซิลี,คาลิปโซ,ไฮยาส

ด้วยความที่ไดโอนีซุสน่ารักน่าชัง เขาจึงถูกบรรดานางอัปสรไฮยาเดส
เอาใจใส่และตามใจประหนึ่งเป็นเจ้าชายองค์น้อยๆแห่งภูเขานีซาทีเดียว

เวลาผ่านไปจนไดโอนีซุสเติบใหญ่ ก็รู้สึกว่างจัด วันๆไม่มีอะไรทำนอก
ไปจากเที่ยวเล่น เมื่อหิว พวกไฮยาเดสก็จะจัดหาอาหารรสเลิศมาให้ เมื่ออิ่ม
และง่วง นางอัปสรแสนงามก็จะขับกล่อมให้หลับ(แหม…ชักจะอิจฉาไดโอนีซุส
ซะแล้วสิ) เรียกว่าวันๆไม่กินก็นอน ไม่นอนก็เที่ยวในป่าเขา มีอยู่แค่นั้น

ภูเขานีซานั้นเป็นภูเขาที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยดอกไม้และพืชพรรณต่างๆ
และยังมีต้นองุ่นลูกโตๆขึ้นอย่างดกดื่น ไดโอนีซุสจึงลองคิดค้นเครื่องดื่มใหม่ๆ
โดยเอาผลไม้ต่างๆมาหมักฆ่าเวลาเล่นด้วยคิดว่าไหนๆก็ไม่มีอะไรจะทำอยู่แล้ว

ทดลองไปทดลองมาก็ปรากฏว่าองุ่นนี่แหล่ะ เข้าท่าที่สุด เขาคิดว่า
เครื่องดื่มใหม่นี่ช่างแสนวิเศษเสียจริง ตอนแรกช่างขมดังบรเพ็ด(ไม่รู้ว่าที่กรีก
จะมีหรือเปล่า) แต่หลังจากดื่มไปสักหน่อยมันก็หอมหวานชุ่มคอราวกับได้ดื่ม
แอมโบรเซีย(น้ำทิพย์ของเทพเจ้า) ดื่มไปดื่มมาก็ได้เรื่องสิครับ…เหอ..เหอ…
คุณเธอก็เริ่มเมาและอาละวาด…เดี๋ยวก็โวยวาย เดี๋ยวก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
เดี๋ยวก็พูดจากับตัวเองเหมือนคนเสียสติไม่มีผิด!!

ซึ่งไฮยาเดสก็เฝ้ามองเจ้าชายน้อยๆของเธออย่างตื่นตระหนกอยู่ห่างๆไม่
กล้าเข้าไปใกล้(สงสัยกลัวโดนจับบีบคอ) พากันวิตกว่าไดโอนีซุสคงเป็นบ้าไปแล้ว

ส่วนด้านไดโอนีซุสยิ่งเมาก็ยิ่งดื่มจนหลับไป ไฮยาเดสจึงกล้าเข้าไปใกล้
และพาเข้าไปนอนบนเตียงอันถักทอจากเถาวัลย์และใบไม้

เมื่อเขาตื่นขึ้นก็เกิดอาการปวดหัวแบบมึนๆหนักๆ ซึ่งก็คืออาการเมา
ค้างนั่นเอง ไดโอนีซุสรู้ว่านี่คือผลจากการดื่มเครื่องดื่มใหม่นี้ แต่เมื่อคิดไปถึง
ความสุขที่ได้รับตอนดื่ม เรื่องปวดหัวแค่นี้จิ๊บจ๊อยมาก

ไดโอนีซุสเริ่มการหมักไวน์อย่างเป็นจริงเป็นจัง และเริ่มชวนสมัครพรรค
พวกมาร่วมวงก๊งกัน(ดื่มคนเดียวมันเหงานี่นา) พวกแรกก็คือพวกไฮยาเดสนี่
แหล่ะ แล้วเริ่มขยายวงออกไปเป็นพวกนางไม้นางพราย,พวกเซนเทอร์นี่ก็ตัวดี
แล้วยังระบาดมายังหนุ่มสาวชาวมนุษย์อีกด้วย โดยเฉพาะผู้หญิง พวกนี้เรียก
รวมกันว่าพวกแบคแคนท์ และพวกมีแนดด์

พวกนี้จะร่วมดื่มร่วมเมาหัวทิ่มพื้นกับไดโอนีซุสและเดินทางไปเรื่อยๆ
แบบไปไหนไปกันเป็นโขยง ส่งเสียงเอะอะโวยวายและเต้นรำกันอย่างสนุก
สนาน เรียกได้ว่าพวกนี้ไปถึงที่ไหนทั้งคนทั้งสัตว์มีอันได้แตกตื่น

แต่จะว่าไปไดโอนีซุสนี่เป็นเทพที่ใช้ชีวิตล้มลุกคลุกดินจริงๆ และยังคลุก
คลีกับมนุษย์มากกว่าเทพเจ้าองค์ใดๆรวมทั้งเคยถูกมนุษย์ทำร้ายและจับตัวไว้
หลายครั้ง

เขาเคยถูกโจรปล้นและตัดแขนตัดขาตัดหัวออกจากกัน ซึ่งถ้าเป็นเราๆ
ล่ะก็…คงจะต้องไปเฮดีสแล้วล่ะ แต่ว่าไดโอนีซุสเป็นเทพเจ้า เมื่อตกเย็นแขน
ขาก็เริ่มขยับและติดเข้ากับตัว จากนั้นก็เอาหัวมาติดเข้ากับคอและไปดื่มไวน์
ต่อหน้าตาเฉย

และวันหนึ่ง ไดโอนีซุสดื่มจนเมาหลับอยู่บนโขดหินริมทะเล บังเอิ๊ญ..
บังเอิญ มีเรือโจรสลัดผ่านมาพอดีและเห็นว่าไดโอนีซุสหน้าตาผิวพรรณสง่า
กว่าคนทั่วไป ท่าทางจะมีตังค์เยอะและถ้าเอาไปขายเป็นทาสก็คงได้เงินมาก
กว่าคนอื่นแหงมๆ พวกโจรจึงจับไดโอนีซุสไปมัดไว้กับเสาเรือ

เมื่อฤทธิ์เมรัยคลายลง ยุวเทพก็พบว่าตนเองถูกมัดติดกับเสาเรือ จึงสั่ง
ให้พวกโจรปล่อยตน โดยบอกว่าตนเป็นเทพซึ่งเป็นบุตรแห่งซีอุส ราชาแห่ง
เทพทั้งปวง

พวกโจรได้ฟังก็ขำกันจนฟันแทบหัก หาว่าไดโอนีซุสเป็นบ้า….ก็อย่าว่า
เป็นบุตรของมหาเทพเลย แม้แต่พวกนางพรายก็ยังไม่มาหมดสติจนถูกจับมัด
ง่ายๆอย่างนี้หรอก

ไดโอนีซุสได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มโกรธขึ้นมาตงิดๆ จึงร่ายเวทย์ให้น้ำทะเล
รอบๆกลายเป็นไวน์องุ่นชั้นเลิศและสาปให้พวกลูกเรือทั้งหลายกลายเป็น
ปลาโลมากระโดดลงไปแหวกว่ายในทะเลที่เป็นไวน์ อันที่จริงเชือกที่
พันธนาการตัวไดโอนีซุสนั้นไม่เป็นปัญหาอะไรกับตัวเขาเลย มันหลุดออก
อย่างง่ายดายราวกับมีมือที่มองไม่เห็นแกะออก และเทพเมรัยก็กระโดดลงขี่
หลังปลาโลมาและให้มันแหวกว่ายในทะเลไวน์องุ่นอย่างสนุกสนาน ซึ่ง
ปลาโลมานี้ก็กลายเป็นสัตว์ประจำตัวของเขาไปโดยปริยาย และสัตว์ประจำ
ตัวอีกหนึ่งตัวที่ไดโอนีซุสมักขี่หลังท่องไปกับพวกแบคแคนส์ก็คือลา ซึ่งเขาจับได้ในภูเขาไนซานั่นเอง

เรื่องราวความรักของเขาก็มีคนรักทั้งตอนเมาและไม่เมามากมายพอ
ควร และมีลูกๆไม่มากไม่น้อย จะเขียนให้ดูนะครับ

อะโฟรไดที=ไฮเมน,พรีอาปุส,พวกชาลิเตส
ฟีสโคอา=นาคาอีอุส
อัลธาอีอา=ไดแอนนีร่า
อาราเอไทเรีย=ฟลิแอส

แต่ว่าไดโอนีซุสก็มีรักแท้เหมือนกันนะครับ เป็นเจ้าหญิงมนุษย์ซึ่งเป็น
การแต่งงานเพียงครั้งเดียวของเขา ซึ่งก็คือเจ้าหญิงอาริแอดเน่ภรรยาของธีซี
อุสผู้ปราบมิโนทอร์สัตว์ประหลาดที่มีร่างเป็นคนหัวเป็นวัว แต่เธอถูกเขาทิ้งไว้
บนเกาะแนกซอสทั้งๆที่ท้องแก่ ซึ่งไดโอนีซุสผ่านมาพบเข้าก็เกิดความสงสาร
จากความสงสารก็กลายเป็นรักแท้อันลึกซึ้ง เขาทำให้เธอลืมความปวดร้าวที่
ผ่านมาและขอเธอแต่งงาน จากนั้นก็พาเธอไปเกาะแลมนอส ซึ่งทั้งสองก็มี
ทายาทด้วยกันหกคน คือ โอเอโนฟิออน,เซรามุส,ฟานุส,พีพาเรธุส,สตาไพรุส
และธาอัส

ไดโอนีซุสนี้เป็นชื่อเรียกในภาษากรีก ชาวโรมันจะเรียกเทพเมรัยนี้ว่า
‘แบคคุส‘

ส่วนสมญานามก็มีอีกหลายชื่อตามระเบียบเทพที่ต้องมีมากๆเข้าไว้

-แลคคุส ใช้ในงานเทศกาลเฉลิมฉลองไดโอนีซุสที่เอเธนส์
-โบรมิออส ผู้มีสายฟ้า
-เลนาเออุส
-ลิเบอร์(โรมัน)


และบางครั้งก็นับว่าไดโอนีซุสเป็นเทพเจ้าองค์สุดท้ายในบรรดาเทพเจ้า
ทั้งสิบสองแห่งโอลิมเปียนแทนเฮสเทียที่บทบาทลดน้อยลงด้วย
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
เจ้าหญิงพระจันทร์
Admin
Admin
เจ้าหญิงพระจันทร์


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 188
Registration date : 18/04/2007

ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน   ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน EmptySat Apr 28, 2007 10:39 pm

อพอลโล(Apollo)
โซล(Soil)


ลองมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเวลากลางวันสิครับ เราก็จะเห็นราชรถของ
เทพบุตรผู้นี้….ก็ดวงอาทิตย์ดีๆนั่นแหล่ะครับ แต่ชาวกรีกในสมัยโบราณเขาถือ
กันว่าเจ้าลูกกลมๆที่ส่องสว่างจางปางบนท้องฟ้าเนี่ย ก็คือราชรถของอพอลโล

ในยามกลางวันอพอลโลให้ความอบอุ่นและมอบชีวิตให้แก่โลก ในยาม
ค่ำอาร์เตมิสก็จะผลัดมาทำหน้าที่แทนพี่ชายฝาแฝด แต่เธอมอบแสงอันสงบ
เยือกเย็นเพื่อให้สรรพชีวิตได้ผ่อนคลายแลถึงแก่นิทรารมย์

ว่าไปแล้วสองพี่น้องคู่นี้ก็เกือบจะไม่ได้ลืมตามาดูโลกแบนๆใบนี้แล้ว
(ชาวกรีกเชื่อว่าโลกแบน หากเดินทางไปจนสุดขอบโลกก็จะตกไปตาย หรือ
เป็นดินแดนอันน่าสะพรึง) ก็คือเทพีเฮร่าชายาของซีอุสรู้เรื่องที่ซีอุสแอบไปมี
สัมพันธ์ลับๆกับแม่เทพธิดาลีโตซึ่งเป็นพวกไตตันส์จนนางท้องโย้ จอมเทวีจึง
ได้ส่งไพธอนอสรพิษยักษ์มาไล่ฆ่า ‘ลีโต‘ มารดาของทั้งสอง จนลีโตต้องหนี
ตายลงทะเล

แต่โปเซดอนเทพเจ้าแห่งผืนน้ำได้เกิดความเวทนา จึงบันดาลให้เกาะ
เดลอส*ผุดขึ้นมา ลีโตจึงตะเกียกตะกายขึ้นไปบนเกาะและคลอดโอรสธิดาฝา
แฝดที่นั่น ซึ่งก็ได้ ‘เธมิส’** เทพธิดาผู้มีความยุติธรรมจนทนเห็นสิ่งที่ลีโตถูก
กระทำไม่ได้จึงช่วยเลี้ยงดูฟักฟูมอพอลโลและเอาน้ำอมฤตแอมโบรเซียให้เด็ก
น้อยดื่ม จวบจนเขาเติบใหญ่เป็นเทพเจ้าเต็มตัว และขึ้นมายังโอลิมปัสพร้อม
น้องสาว

รูปโฉมและความสามารถของพอลโลนั้นเป็นที่ยอมรับของทวยเทพว่า
เป็นเอกจริงๆ เขามีใบหน้าที่หล่อเหลาเกินกว่าเทพใดๆ(รวมทั้งป๋าซีอุสด้วย)
สง่างามผึ่งผายสมกับเป็นโอรสแห่งจอมเทพ ชาญฉลาดเปี่ยมด้วยไหวพริบ
และมีทักษะแห่งศิลปินและกวีโดยหาใครเทียบไม่ได้ ซึ่งก็อพอลโลก็เฉิดฉายดัง
ดวงตะวันบนท้องท้องฟ้าเลยทีเดียว…เรียกง่ายๆก็คือ (เอ่อ..ขอยืมคำของเพื่อน
ผู้หญิงคนหนึ่งของผมที่เธอรู้สึกกับเทพอพอลโลมาใช้หน่อยนะครับ) หล่อ แมน
แฮนซั่ม นั่นเอง

ซีอุสได้มอบหมายหน้าที่สุริยเทพให้แก่อพอลโล และจันทราเทวีแก่อาร์
เตมิส มารดาของฝาแฝดทั้งสองก็ภูมิใจหนักหนาที่ลูกของตนได้รับมอบหมาย
สำคัญนี้ และยอมไม่ได้เลยที่จะมีใครมาเบ่งใส่นาง จนเกิดโศกนาฏกรรมขึ้น
มาเมื่อนางไนโอบีราชินีแห่งเธเบสได้คุยทับถมลีโตว่า ลูกชายหญิงทั้งสิบ
สองของนางนั้นงดงามและสง่ากว่าลูกของลีโต อาร์เตมิสและอพอลโลจึงใช้ธนู
ยิงลูกๆของไนโอบีที่ละคนๆ จนลูกสาวคนสุดท้องซึ่งหนีไปซบอกมารดาก็ถูก
ยิงตายในอ้อมแขนของนางนั่นเอง และไนโอบีก็ร้องไห้จนกลายเป็นหินอ่อนที่
มีน้ำไหลออกมาจากตาตลอดเวลา

อพอลโลมักจะชอบขลุกอยู่กับพวกมิวซ์ ซึ่งเป็นเทพีแห่งศาสตร์และ
ศิลป์สาขาต่างๆ พากัน แต่งเพลง,เล่นดนตรี,ขับร้อง และความที่อพอลโลทั้ง
รูปงามที่สุดบนสรวงสวรรค์และยังมีคารมคมคายเป็นกวีเอกหาใครเทียมเช่นนี้
ก็ย่อมมีคนรักเป็นโขยงเป็นของธรรมดา แต่ลูกๆของอพอลโลส่วนมากแล้วก็
ได้สืบทอดแต่สิ่งดีๆจากพ่อไป ซึ่งมีทั้งเป็นเทพเจ้า วีรบุรุษ นักดนตรี หรือกวี
เอกทั้งนั้น
อย่าคิดว่าอพอลโลรูปงามและพรั่งพร้อมทุกสิ่งอย่านี้จะสมหวังในเรื่อง
รักๆใคร่ๆไปซะทุกครั้งนะครับ เขาถูกเฮสเทียเทพีแห่งเตาไฟปฏิเสธการแต่ง
งาน มิหนำซ้ำยังประกาศตัวเป็นเทพีผู้ครองพรหมจรรย์อีกซะนี่

เมื่อครั้งที่หลงรักนางซีบิลก็ยังยืนกรานจะให้พรนางหนึ่งข้อแม้ว่าจะถูก
ปฏิเสธความรักก็ตาม ซีบิลก็ขอให้นางมีอายุยืนเท่ากับจำนวนเมล็ดทรายที่
นางกอบขึ้นมา แต่ว่านางลืมขอความสาวให้คงกระพันไปด้วย นางจึงแก่
หง่อมและตัวเล็กลงเรื่อยๆตามวันเวลาที่ล่วงเลย มันให้ความทุกข์ทรมานกับ
เธอมากกว่าความสุข จะตายก็ตายไม่ได้เพราะพรศักดิ์สิทธิ์ นางจึงเบี่ยงเบน
ความสนใจไปทางการทำนายทายทัก ซึ่งการทำนายของนางแม่นยำไม่มีทาง
ผิดสักนิดเลยครับ

***ไอ้ที่มันดังที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องที่วิ่งไล่นางไม้ดาฟเน่ ธิดาของพี
เนอุสเทพเจ้าแห่งแม่น้ำ

เรื่องมันก็มีอยู่ว่า อพอลโลลงจากเขาโอลิมปุสไปเดินเล่นในป่า ก็ไปพบ
นางไม้คนสวยที่ชื่อดาฟเน่เข้า อพอลโลหลงรักนางทันทีและพยายามจะเข้าไป
พูดคุยด้วย แต่ดาฟเน่ก็รู้ชื่อเสียงด้านความมากรักของอพอลโลดีจึงไม่ตกลง
ปลงใจกับเขา และยังพยายามจะรีบไปให้ไกลจากเทพหนุ่มเสียนี่

อพอลโลก็เริ่มจะหมดความอดทนเกี้ยวพาราสีเสียแล้ว

เทพหนุ่มของเราก็หน้ามืดจะใช้กำลังบังคับนางซะ แต่ดาฟเน่ที่ระวังตัว
อยู่แล้วก็รีบวิ่งหนี อพอลโลยิ่งหน้ามืดไปใหญ่ วิ่งไล่ตามดาฟเน่สุดฝีเท้า จน
จะตามอยู่แล้ว แต่ดาฟเน่ได้ร้องขอให้บิดาของนางช่วยนางให้พ้นจากมือของ
อพอลโลไปตลอดทาง

พีเนอุสจึงร่ายเวทย์ไปยังร่างของบุตรสาว

เท้าของนางแข็งทื่อดังถูกตรึงไว้กับพื้น เสื้อผ้าอาภรณ์ได้กลายเป็น
เปลือกไม้ห่อหุ้มร่างอันสันเทาของนางพราย ใบไม้สีเขียวขจีก็แตกแขนงออก
จากร่างกายที่กลายเป็นต้นไม้ไปอย่างสมบูรณ์

…มันเศร้าครับ เศร้ามากเลยสำหรับอพอลโล จนถึงขนาดที่เอากิ่ง
ชัยพฤกษ์มาทำเป็นมงกุฎสวมศรีษะตลอดเวลา

ยังมีความรักแบบที่เข้าใจยากอีกรักหนึ่ง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขารักแบบเพื่อน
หรือแบบคนรักกันแน่กับไฮยาซินทุส พ่อหนุ่มหน้ามน ซึ่งเซฟีรุสริษยา ขณะที่
ทั้งสองเล่นขว้างจักรกัน เซฟีรุสจึงเปลี่ยนทิศทางลมให้พัดจักรของอพอลโลไป
โดนศรีษะของไฮยาซินธุสตาย เลือดของเขาได้กลายเป็นต้นไฮยาซิน

อพอลโลก็ยังเคยต้องอาญาจากซีอุสเช่นกัน เมื่อร่วมมือกับโปเซดอน
และเฮร่า คิดจะล้มล้างซีอุส แต่พ่ายแพ้ จึงถูกสั่งให้ลงไปช่วยสร้างกำแพง
เมืองทรอยกับโปเซดอนเป็นเวลาสามปี เมื่อเกิดสงครามทรอย อพอลโลก็อยู่
ฝ่ายทรอย

และอพอลโลก็ฆ่ายักษ์ไซครอปผู้สร้างสายฟ้าให้ซีอุส ซีอุสเลยลงโทษ
ให้อพอลโลไปรับใช้แอดเมตุสราชาแห่งเฟเรสเป็นเวลาหนึ่งปี ซึ่งอพอลโลก็ได้
สนิทสนมกับราชาผู้นี้และยกย่อง อีกทั้งช่วยให้แอดเมตุสได้สมรสกับอัลเคส
ติส แต่เรื่องร้ายนิดๆก็เกิดขึ้นเนื่องจากแอดเมตุสลืมบูชาเทวีอาร์เตมิส นางจึง
เสกให้งูมากมายเข้าไปยั้วเยี้ยในห้องนอนรวมทั้งบนเตียงของเขาในคืนแต่งงาน

อพอลโลยังสังหารงูยักษ์ไพธอนที่เฮร่าเคยส่งมาไล่ล่ามารดาของเขาเมื่อ
ครั้งตั้งครรภ์ เรียกว่าลูกผู้ชายนแก้แค้นยี่สิบปีก็ไม่สาย

เครื่องดนตรีที่เป็นสัญลักษณ์ของอพอลโลก็คือพิณงเต่า ซึ่งเฮอร์เมส
ได้ประดิษฐ์และมอบให้เป็นของขวัญขอโทษขอโพยที่ขโมยวัวอพอลโลไป

อพอลโลเป็นเทพที่มีหน้าที่มากมายและมีชื่อเรียกต่างกันออกไป ทั้งโดย
ลักษณะและหน้าที่



-เทพเจ้าแห่งหมาป่า คือ ไลคัส
-เทพเจ้าผู้รักษาและการแพทย์ คือ เพแอน
-เทพเจ้าผู้คุ้มครองมิวซ์ คือ มูซาเกเตส
-เทพเจ้าแห่งหนู คือ สมินเธียรุส
-เทพอุปถัมภ์การปศุสัตว์
-เอเซอเซโคเมส คือ ผู้ไม่โกนเครา
-โฟเอบัส คือ ผู้ส่องแสง
-ซินธีอุส คือ ผู้กำเนิดบนเขาซินธุส
-โฟเอบัส คือ ผู้ส่องแสง
-เอเซซิอุส คือ ผู้รักษา

******************************************************

*เดลลอส มีความหมายว่า แสงสว่าง
**เป็นน้องสาวของเมทิส(มารดาเอธีน่า) ซึ่งหลังจากพี่สาวถูกซีอุสกลืนลงไป
นางก็สมรสกับซีอุสแทน
***คิดดูว่าดังหรือไม่ดัง หนังอะมิดซัมเมอร์ ไนท์ ดรีม ของเชคสเปียร์ที่คาลิสตร้า
ฟล็อกฮาร์ทแสดง ยังมีคำที่เธอพูดตอนไล่ตามชายคนรักที่เปลี่ยนใจไปรักเฮอร์เมีย
เพื่อนของเธอว่า “ตำนานจะเปลี่ยนไป อพอลโลจะวิ่งหนี ดาฟเน่จะไล่
ตาม”
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
เจ้าหญิงพระจันทร์
Admin
Admin
เจ้าหญิงพระจันทร์


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 188
Registration date : 18/04/2007

ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน   ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน EmptySat Apr 28, 2007 10:43 pm

เทพทั้ง12แห่งโอลิมปุส(โอลิมปัส)


เทพทั้ง 12 แห่งโอลิมปุส ก็คือ เทพผู้มีความยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่งทั้ง
12องค์ ในบรรดาเทพทั้งหมด ซึ่งมีดังนี้


ชื่อกรีก ชื่อโรมัน ตำแหน่ง
1.ซีอุส จูปิเตอร์ จ้าวแห่งสวรรค์และเทพ
แห่งสายฟ้า

2.เฮร่า จูโน เทพธิดาแห่งสวรรค์,ผู้
คุ้มครองการแต่งงาน
และการครองเรือน

3.โปเซดอน เนปจูน เทพแห่งทะเล(เอเจียนซึ่ง
ก็คือเมดิเตอเรเนียนใน
ปัจจุบัน)

4.เดมีเตอร์ เซอเรส เทพธิดาแห่งพืชพันธุ์
ธัญญาหารและข้าวโพด,
ฤดูกาล(เทียบได้กับ
ไอซิส ของอียิปต์)

5.อพอลโล อพอลโล เทพแห่งดวงอาทิตย์,
ศิลปะและดนตรี,ปศุสัตว์

6.อาร์เตมิส ไดอาน่า เทพธิดาแห่งดวงจันทร์,
ล่าสัตว์และป่า

7.เอธีน่า มิเนอร์ว่า เทพธิดาแห่งความรอบรู้
และปัญญา

8.อะโฟรไดที วีนัส เทพธิดาแห่งความรัก
และความงาม (เทียบได้กับ
ฮาเธอร์ ของอียิปต์)

9.เฮอร์เมส เมอร์คิวรี เทพแห่งการสื่อสาร,
คุ้มครองการค้าและการเดินทาง,
คุ้มครองขโมย(เทียบได้กับ ธอส
ของอียิปต์)

10.อาเรส มาร์ส เทพแห่งสงคราม

11.เฮเฟตุส วัลแคน เทพแห่งการช่าง,ไฟ,ถลุงเหล็ก,
คุ้มครองพวกคนใช้แรงงาน

12.ไดโอนีซุส แบคคุส เทพแห่งไวน์,
การเฉลิมฉลองและความสุข


เมื่อก่อนไดโอนีซุสไม่ได้อยู่ในทำเนียบด้วย แต่เป็นเฮสเทียหรือ
เวสต้าเทพธิดาแห่งเตาไฟผู้คุ้มครองบ้านเรือน แต่ต่อมาเฮสเทียก็ค่อยๆลด
ความสำคัญลง และไดนีซุสเริ่มเป็นที่นับถือกันอย่างแพร่หลายตามกระแส
ของความนิยมไวน์และงานเลี้ยง ซึ่งชาวกรีกและโรมันจะจัดงานเทศกาลเพื่อ
ไดโอนีซุสอีกด้วย

แต่ยังมีเทพและเทพธิดาอย่างละหนึ่งองค์ที่ถือว่ายิ่งใหญ่และมี
ความสำคัญแม้ว่าจะไม่ได้ถือว่าเป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 12 ก็ตาม

ซึ่งก็คือ เทพธิดาเฮเบ เป็นเทพธิดาแห่งความเยาว์วัยชั่วนิรันดร์
บุตรีแห่งซีอุสและเฮร่า นางเป็นผู้ถือถ้วยของทวยเทพ มีชื่อโรมันคือ จูเวนแทส
แต่ในงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง เธอได้แสดงกิริยาหยาบคายจนถูกปลดออกจากตำแหน่ง
และให้แกนีมีดมาถือถ้วยแทน

และอีกองค์ก็คือเฮดีส จ้าวแห่งโลกบาดาลที่เราๆรู้จักดีแต่ไม่อยาก
จะเจอท่านนั่นเอง
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
เจ้าหญิงพระจันทร์
Admin
Admin
เจ้าหญิงพระจันทร์


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 188
Registration date : 18/04/2007

ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน   ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน EmptySat Apr 28, 2007 10:45 pm

อีออส(Eos)
ออโรร่า(Aurora)


เมื่อสิ้นสุดรัตติกาลจักนำพา
ศศิทรจรลาจากฟากฟ้า
คือเวลาแรกรุ่งแห่งแสงสุริยา
นิ้วกุหลาบออโรร่าเปิดม่านบาง
อุษาสางเปิดทางแด่ดวงตะวัน
.................

ครับ..วันนี้เราจะมาว่าถึงเทพธิดาแห่งแสงแรกของยามเช้า “เทพธิดาอี
ออส” หรือ “ออโรร่า” ในชื่อโรมันซึ่งเราจะรู้จักกันดีกว่าชื่อกรีกที่เอ่ยมาข้างต้น
เธอทำหน้าที่เป็นผู้เปิดม่านแห่งรุ่งอรุณให้รถม้าของอพอลโลออกจากโรงเก็บ
ซึ่งแสงสีชมพูกุหลาบที่เราเห็นกันที่ขอบฟ้าเมื่อแรกฟ้าสางนั้นก็คือนิ้วของอี-
ออสนั่นเอง และแสงสว่างสีทองก็คือเส้นผมของเธอ

มารดาของอีออสคือเธอิอา บิดาคือไฮเปอร์ริออนซึ่งเป็นพวกไตตันส์ มีพี่
น้องคือเซเลเน่เทพธิดาจันทรา(คนละคนกับอาร์เตมิสนะครับ) และเฮลิออส
เทพแห่งสุริยัน(นี่ก็คนละคนกับอพอลโลครับ)

เรื่องของอีออสปรากฎไม่มากในตำนานโบราณ ด้วยความที่เธอไม่ใช่
เทพที่ชอบทำตัวหวือหวาตกเป็นข่าว(อ้าว!เริ่มมั่ว...นั่นมันดาราแล้ว)


อีออสนั้นตกหลุมรักไทโธนอสมนุษย์ธรรมด๊า..ธรรมดา(แต่คงจะหล่อ
ม้าก..มาก) ที่ส้มหล่นได้รับความรักจากเทพธิดาแห่งรุ่งอรุณเช่นนี้ รักมากจน
พาลคิดไปถึงอนาคตว่าไทโธนอสเป็นผู้ไร้นิรันดร์เฉกเช่นเชื้อสายเทพของเธอ
เธอก็กลัวด้วยว่ากาลเวลาจะเพียงผ่านเลยตัวเธอและเทพทั้งหลายไป แต่มัน
ไม่ได้ละเว้นสรรพสิ่งต่างๆในโลกรวมถึงมนุษย์ด้วย ไทโธนอสต้องสิ้นอายุขัย
และตายไปในที่สุดโดยแท้ เธอจึงไปเฝ้ามหาเทพซีอุสและอ้อนวอนให้มหาเทพ
ประทานพรแห่งนิรันดร์ให้ไทโธนอสเป็นอมตะเพื่อที่จะได้ครองคู่กับเธอตราบชั่ว
ฟ้าดินสลาย

ซีอุสเป็นมหาเทพที่เมตตาอยู่แล้ว ก็เลยให้พรตามที่อีออสขอ ย้ำ!ว่าให้
แค่ที่ขอจริงๆ

ตกลงไทโธนอสก็เลยได้มีชีวิตเป็นอมตะ ชายหนุ่มก็ยิ้มย่องและใช้ชีวิต
กับอีออสอย่างหวานชื่น

แต่เอ...ในเมื่อเป็นอมตะแล้วนี่ก็ผ่านไปแค่สิบปีเองทำไมหน้าหล่อๆของ
เราถึงเริ่มเ่ยวล่ะ...เขาคิด

ก็บอกมาข้างต้นแล้วไงครับ ว่าซีอุสให้ตามที่ขอจริงๆ ก็อีออสขอแต่
อมตะไม่ได้ขอความหนุ่มให้ไทโธนอสด้วยนี่ เขาจึงแก่ลงไปทุกทีๆ อีออสก็เริ่ม
เบื่อและไม่ใยดีต่อเขาเช่นเดิม(ลืมความคิดที่จะอยู่ด้วยกันตราบฟ้าดินสลายไป
หมดแล้ว) เธอเริ่มมีความรักกับชายคนอื่นโดยไม่เกรงใจไทโธนอสที่ชราภาพ
ซึ่งเขาก็แก่ลงไปเรื่อยๆ แก่จนร่างกายของเขาเ่ยวย่นไปหมดและตัวหดเล็กลงทุกที
อีออสจึงสงสาร(หรือว่ารู้สึกขวางหูขวางตาก็ม่ายรุ)จึงสาปให้ไทโธนอส
กลายเป็นจิ้งหรีด ซึ่งเขาก็ส่งเสียงจี๊ดๆในยามรุ่งเช้าทักทายอีออสยอดดวงใจที่
ยามนี้ได้เมินคนรักเก่าอย่างเขาเสียแล้ว

และแม้ว่าอีออสจะมีบุตรนามว่าเอมาธิออนกับไทโธนอส แต่เธอก็ยังให้
กำนิดทายาทอีกหลายคนกับชายคนอื่นด้วย มีบุตรหนึ่งคนชื่อฟาเอธอน(ต่อมา
ได้เป็นคนเฝ้าเทวสถานของอะโฟรไดที)อันเกิดกับเซฟาลุส ให้กำเนิดลมและ
ดวงดาวรวมถึงทายาท 3 คนกับแอสทราเออุสซึ่งเป็นไตตัน ได้แก่ ออร่า
(เทพธิดาแห่งลมทะเล),ออสโฟรุส(ดาวพระศุกร์),โฟสโฟรุส(ดาวประกายพรึก)

*อีออสเป็นชื่อกรีกครับ ส่วนออร์ร่าเป็นชื่อโรมัน
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
เจ้าหญิงพระจันทร์
Admin
Admin
เจ้าหญิงพระจันทร์


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 188
Registration date : 18/04/2007

ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน   ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน EmptySat Apr 28, 2007 10:49 pm

อาร์เตมิสกับเอนดีเมียน
(Artemis&Endymion)



ในคืนหนึ่งที่แสงจันทร์ทอแสงงามตาลงมายังทุ่งหญ้าเขียวขจีนอกเมือง
เอลิส ที่ซึ่งชายหนุ่มเลี้ยงแกะผู้หนึ่งได้เอนกายลงบนผืนพรมแห่งหญ้าอันอ่อน
นุ่ม และหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้าที่ทำงานมาทั้งวัน

สายลมพัดอ่อนๆต้องยอดไม้ให้สั่นหวั่น นำพาซึ่งความสบายผ่อนคลาย
มวลหมู่แมลงแห่งพงไพรส่งเสียงเสนาะดั่งวงดุริยางค์ ขับกล่อมให้ชายเลี้ยง
แกะรูปงามเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็วกว่าที่เคยเป็น


เหนือม่านฟ้ายามราตรีอันมืดดำ บุตรีแห่งมหาเทพได้ขับเคลื่อนราชรถสี
เงินยวงเทียมด้วยกวางป่าสองตัวที่ขาวดุจหิมะ เธอคือผู้เด่นสง่าเหนือสิ่งใดใน
ห้วงแห่งรัตติกาล เทพธิดาผู้นำพาลำแสงอันอ่อนโยนให้สรรพชีวิตได้ผ่อน
คลายจากความร้อนแรงจากราชรถเทียมม้าแห่งเชษฐานาง

ราชรถแห่งจันทราได้โคจรเช่นทุกครา

แต่หากวันนี้สายตาของเทพธิดาอาร์เตมิสพลันเหลือบไปเห็นร่างสูงสง่า
ร่างหนึ่งที่ทอดกายแนบกับพระแม่ธรณี แสงจันทร์ส่องต้องร่างนั้นช่างน่าหลง
ใหลนัก หัวใจอันแข็งกร้าวของอาร์เตมิสนั้นหวั่นไหว ความรักนั้นจู่โจม
เทพธิดาผู้ร้องขอการเป็นพรหมจาริณี นางชักรถให้เคลื่อนต่ำลงยังทุ่งกว้าง


อาร์เตมิสลงจากรถด้วยฝีเท้าแผ่วเบาไม่ให้ชายหนุ่มตื่นจากนิทรา เธอ
นั่งลงบนพื้นหญ้าอ่อนนุ่มละมุนดุจผืนพรมกำมะหยี่ข้างๆร่างสูงสง่าที่งดงามได้
รูปแบบชายชาตรีราวกับถูกสลักเสลาด้วยฝีมือช่างฝีมือชั้นเอก พลางเอียง
พักตร์งามพินิจใบหน้าของหนุ่มเลี้ยงแกะด้วยหัวใจเต้นแรงแทบหลุดออกจาก
อก
“เขาช่างงามสง่ายิ่งนัก มากกว่าผู้อมตะที่ข้าประจักษ์จนชินตา ดูเต็ม
ไปด้วยชีวิตแลจิตวิญญา ไม่เย็นชาดั่งหมู่เทพเทวาเป็น”

เทพธิดาแห่งจันทราเพ้อความในใจออกมา เธอถอนหายใจด้วยความ
สุขและความทุกข์ที่ประดังเข้ามาในคราเดียวกัน ด้วยรู้ดีว่าเขามิอาจจะครองคู่
กับเธอได้ ด้วยคำสัตย์ที่เคยปฏิญาณตนไว้ ความรู้สึกนั้นช่างเจ็บปวดยิ่งนัก
เธอทำได้แค่เพียงก้มลงจุมพิตชายหนุ่มยอดรักของเธอ และรีบจากไปโดยเร็ว


ข้างฝ่ายหนุ่มเลี้ยงแกะนั้น ความจริงเขาคือเจ้าชายแห่งเอลิส และเขาก็
ครึ่งหลับครึ่งตื่นระหว่างที่อาร์เตมิสมาเยือน เขาตื่นขึ้นมาภายหลังก็คิดว่าสิ่งที่
เกิดขึ้นเป็นความฝัน แต่ก็ยิ้มด้วยความปีติ

“งามเหลือเกิน…ช่างเป็นความฝันแสนบรรเจิดเสียจริง” หนุ่มรูปงาม
รำพึงรำพัน “แม้อะโฟรไดทีคงไม่อาจเทียบได้แม้เพียงเศษเสี้ยว เจ้าอยู่ที่ใด
กัน…ยอดรักของข้า”


ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา อาร์เตมิสก็จะแวะลงมาจุมพิตเอนดีเมียนทุกคืน
ทั้งสองก็ต่างมีความสุขและตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก แม้ว่าไม่เคยได้พูดคุย
กันเลยก็ตาม โดยเฉพาะเอนดีเมียน เขาไม่เคยเห็นอาร์เตมิสเต็มตาเลย นอก
จากเป็นภาพฝันอันเลือนลาง


ทว่าความลับย่อมไม่มีในโลก เรื่องที่อาร์เตมิสแวะเวียนไปจุมพิตเอนดี
เมียนทุกค่ำคืนได้ยินไปถึงหูซีอุส

มหาเทพหนักใจยิ่งนัก ด้วยเกรงว่าคำปฎิญาณแห่งอาร์เตมิสจะถูกลบ
ล้างพร้อมกับเกียรติและศักดิ์ศรีทั้งปวงแห่งนาง ซีอุสจึงเร่งลงจากโอลิมปุสและ
ไปพบเจ้าชายหนุ่มต้นปัญหา

“ข้าคือมหาเทพแห่งยอดเขาโอลิมปุสผู้อยู่เหนือทวยเทพทั้งมวล ข้ามา
หาเจ้าเนื่องด้วยว่าเป็นการป้องกันเรื่องที่อาจลุกลามให้ข้าและทวยเทพมีเรื่อง
หม่นหมอง”

“เรื่องใดกันหรือ…ท่านมหาเทพ ข้าเป็นเพียงมนุษย์เดินดินเปรียบได้
เหมือนมดตัวเล็กที่อาศัยในภูเขาใหญ่จะสามารถทำสิ่งใดกระทบถึงท่านได้”
เอนดิเมียนเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ

มหาเทพซีอุสถอนใจด้วยสงสารชายหนุ่มรูปงามที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มแน่นที่
ต้องมีชะตากรรมที่ไม่ควรเป็น

“แต่หากมดน้อยกัดกวางป่า กวางนั้นก็จะวิ่งตื่นเหยียบย่ำทำลายหน่อ
อ่อนต้นไม้ใบหญ้าเสียราบส่งผลต่อการเจริญงอกงามของต้นไม้และก่อความ
ไม่สงบบนภูเขาได้ไม่มากก็น้อย….และนั่นก็คือสิ่งที่เจ้ามีส่วนอย่างไม่รู้ตัว…พ่อ
มดตัวน้อย…เพราะกวางที่เจ้าไต่ตอมไม่ใช่นางกวางป่าธรรมดา แต่เป็นนาง
พญากวางที่ยิ่งใหญ่เหนือทุกสิ่งในผืนป่า”
“นางพรายที่เจ้าเห็นว่าเป็นภาพฝันนั้นความจริงนางคือจันทราเทวีผู้สูง
ศักดิ์ อาร์เตมิสบุตรีผู้เป็นที่รักยิ่งของข้าเอง”

รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้างามกระจ่างของเอนดิเมียน

“อาร์เตมิส” เขารำพึงเบาๆ ภาพฝันเพริดพราวผุดขึ้นมา “นางมีตัวตน”

“ใช่…นางมีตัวตน แต่เพราะนางเคยให้สัตย์ว่าจะเป็นเทพีผู้ครอง
พรหมจรรย์ไม่ควรจะต้องข้องเกี่ยวกับชายหนุ่มฉันท์ชู้สาว ดังนั้นเจ้าต้องเลือก
ทำตามข้อเสนอหนึ่งในสองของข้าเพื่อปกป้องเกียรติของนาง”

“ข้ายอมทำทุกอย่างเพื่อนางอันเป็นที่รักของข้า ท่านมหาเทพ” เอนดิ
เมียนเอ่ยจากใจจริง

ผู้เป็นใหญ่เหนือทุกสิ่งจ้องมองกลับมาด้วยแววตาทรงอำนาจหนักแน่น
แทนคำตอบ “ใช่…เจ้าต้องเลือก…ข้อหนึ่ง ข้าจะสังหารเจ้าโดยที่เจ้าจะไม่เจ็บ
ปวดสักนิด…ข้อสอง เจ้าจะเป็นอมตะและอยู่ในรูปลักษณ์หนุ่มแน่นไม่แก่ชรา
แต่ต้องอยู่ในห้วงแห่งนิทราตราบนิจนิรันดร์”

เอนดีเมียนแทบไม่ต้องคิดคำตอบ

“ข้าแต่มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ ข้าขอเลือกหลับใหลชั่วดินฟ้า เพราะว่าใน
ห้วงแห่งนิทรา เทพธิดาแห่งจันทรานั้นมาเยือน”

เทพซีอุสจึงประทานพรข้อนั้นให้ทันที

ณ.ยอดเขาแลตมุตนั่นเอง เอนดิเมียนก็เอนกายลงนอนบนตักของฮิปนอส
เทพแห่งนิทรา ดวงตาคู่สวยที่มีประกายดวงดาราบนท้องฟ้าแฝงอยู่ค่อยๆกระพริบเบาๆ
อย่างอ่อนแรง แต่เขาก็เห็นภาพใบหน้างามกระจ่างเหมือนแสงนวลของดวงจันทร์ปรากฏ
เบื้องหน้า

“อาร์เตมิส มันอาจฟังดูโง่ที่ข้าซึ่งไม่เคยพูดจาหรือมองเจ้าเต็มตาสักครั้ง
แต่ข้ากลับรักเจ้าเต็มหัวใจ แม้ครั้งนี้ข้าเห็นเจ้าตอนที่ข้าไม่หลับแต่มันคงเป็น
แค่ภาพฝันเหมือนเคย” ดวงตาพร่างพราวที่พยายามฝืนไม่ให้เปลือกตาปิดลง
หรี่ลงทุกที

แต่มือเรียวงามที่สัมผัสใบหน้าเขากลับอบอุ่น

“ข้าก็คงโง่เหมือนกัน เอนดิเมียนยอดรักของข้าที่รักท่านจนลืมสิ่งที่เคย
สาบานต่อหน้าทวยเทพทั้งปวง หลับให้สบายเถิด เราจะอยู่ด้วยกันในฝัน
ตลอดกาล”

เปลือกตาหนักอึ้งของชายหนุ่มค่อยๆปิดลงขณะที่อาร์เตมิสประทับ
จุมพิตบนเปลือกตานั้น ใบหน้างามราวรูปปั้นของชายหนุ่มเปี่ยมด้วยความสุข
และรอยยิ้มบางๆที่ริมฝีปากพร้อมกับคำพูดสุดท้ายที่แผ่วเบาดุจเสียงกระซิบ
จากสายลม

“อยู่ด้วยกันตลอดกาล…”

“ข้าก็จะรักเจ้าตลอดไป”
อาร์เตมิสกระซิบตอบด้วยเสียงสั่นเครือ หากแต่เอนดิเมียนไม่รับรู้สิ่งใด
อีกต่อไป เขาล่องลอยไปในภวังค์อันแสนหวานที่มีเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ผู้เป็น
ที่รักยิ่งของเขาอยู่เคียงข้าง

อาร์เตมิสเศร้าโศกเสียใจมาก แต่นางมีภาระหน้าที่ต้องส่องสว่างแก่
ยามราตรีจึงต้องจากร่างไร้สติของชายคนรักไป แต่ทุกๆคืนที่นางออกโคจร
เหนือน่านฟ้านางก็จะแวะราชรถสีเงินบนยอดเขานั่นเพื่อจุมพิตชายผู้อยู่ในห้วง
แห่งนิทราไม่เคยว่างเว้น

ซึ่งเอนดิเมียนก็ยังคงหลับใหลไม่เคยตื่นขึ้นมาอีกเลยตราบจนทุกวันนี้
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
เจ้าหญิงพระจันทร์
Admin
Admin
เจ้าหญิงพระจันทร์


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 188
Registration date : 18/04/2007

ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน   ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน EmptySat Apr 28, 2007 10:51 pm

เฮรา(Hera)
จูโน(Juno)
ราชินีแห่งสรวงสวรรค์


กล่าวถึงซีอุสและพี่น้องหลายคนไปแล้ว คราวนี้ก็ถึงคิวของพี่สาวผู้เป็น
ศรีภรรยาของมหาเทพเสียที

ดังที่เคยกล่าวแล้วว่าโครนอสและรีอามีบุตรธิดาด้วยกันห้าองค์ซึ่งโคร
นอสกลืนลงท้องไปซะสี่องค์เหลือซีอุสผู้เดียวที่เหลือรอดกลับมาทวงสิทธิคืน
(ด้วยกำลัง)จนได้ตำแหน่งมหาเทพไปครอง เฮราก็เป็นหนึ่งในสี่ที่ถูกโครนอส
กลืนลงไป

นางเป็นลูกคนที่สามของพี่น้องทั้งห้า

เมื่อตอนที่โครนอสดื่มน้ำยาที่เมทิสผสมขึ้นและคายลูกๆทั้งสี่ออกมา
โฉมสะคราญแห่งเฮราก็เป็นที่ประจักษ์ต่อชาวโลก….โดยเฉพาะต่อซีอุส จอม
เทพผู้เพิ่งได้ตำแหน่งหมาดๆถึงกับตกตะลึงแทบเพ้อในรูปโฉมของพี่สาวทีเดียว


ความสวยสดงดงามของเฮรานั้นไม่มีเทพธิดาหรือนางพรายได้เทียบได้
ติด…อาจจะแม้แต่อะโฟรไดทีก็ตาม(ก็ที่นางได้รับเลือกให้งามที่สุดโดยเจ้าชาย
ปารีสมันเป็นเรื่องที่ว่าใครให้สินบนถูกใจเจ้าชายต่างหาก) จนกระทั่งซีอุสคลั่ง
ไคล้นางต้องการได้นางเป็นภรรยามากกว่าที่เคยรู้สึกต่อหญิงใด แต่ทว่าเฮรา
ไม่ต้องการเช่นนั้น

เนื่องจากต้องติดอยู่ในท้องของบิดามาตลอดชีวิตวัยเยาว์ เฮราจึง
ต้องการใช้ชีวิตให้คุ้มค่าไม่รีบร้อนที่จะคิดมีพันธะใด จึงไปอยู่ที่เฮราเออุมซึ่ง
เป็นวิหารศักดิ์สิทธิ์ของตนในอาร์กอสโดยมีนางไนแอดส์หรือนางเงือกแห่งทะเล
สาบอย่างยูรีโบอา,โปรซีมนาและอาคราเออาเป็นนางกำนัลคนสนิทคอยรับใช้ดู
แล

แต่บ้างก็กล่าวว่าผู้ที่ดูแลเฮราก่อนที่นางจะสมรสกับซีอุสคือเทเมนุสบุตร
แห่งเพลาสกุส ซึ่งเขาก็คอยดูแลเฮราอย่างจงรักภักดีโดยตลอด และได้สร้าง
เจดีย์ขึ้นมาสามองค์เพื่อระลึกถึงวัยต่างๆของเฮรา
คือ
-ก่อนสมรสกับซีอุสนั้นคือวัยเยาว์
-สมรสกับซีอุสแล้วคือวัยผู้ใหญ่
-เมื่อตอนทะเลาะกับซีอุสแล้วหนีจากโอลิมปุสมาพำนักกับราชาสติมฟา
ลุสแห่งอาร์คาเดียกับเทเมนุสคือวัยม่าย

ทั้งที่ปฎิเสธเสียงแข็งไม่ยอมแต่งงานกับซีอุสในตอนแรกแล้วยังไงถึงมา
เป็นราชินีผู้ลือชื่อที่สุดในเทพนิยายกรีกได้ ก็ต้องลองอ่านกันต่อไป…


ซีอุสอยากได้เฮรามาเป็นภรรยาจนแทบทนไม่ได้ แต่ทำอย่างไรล่ะใน
เมื่อนางไม่เล่นด้วยไม่เหมือนกับหญิงคนอื่นที่เคยพบพานซึ่งแล้วต้องหลงใน
บ่วงเสน่ห์อันร้ายกาจของตนทุกราย จะให้ไปฉุดเฮรามาก็ใช่ที ในเมื่อนางมี
ศักดิ์เป็นถึงพี่สาวของตนก็รู้สึกเกรงใจนิดๆ

ในที่สุดซีอุสก็เกิดความคิดดีๆขึ้นมา เป็นความคิดที่ค่อนข้างจะเจ้าเล่ห์
และยอมลงทุนมากทีเดียว

ด้วยอำนาจแห่งเทพเจ้า ซีอุสได้จำแลงเป็นนกคุกคูได้อย่างไม่มีผิด
เพี้ยนสักนิด..เรียกได้ว่าไม่มีใครจับผิดได้ละกัน…จอมเทพในร่างนกน้อยได้บิน
ฉวัดเฉวียนเฉียดไปมาแถวๆหน้าต่างห้องนอนของเทพธิดาเฮรา คอยจับจ้องดู
กิริยาที่เป็นธรรมชาติน่ารักและเจือด้วยความสง่างามของเทพธิดาเจ้าของห้อง
อย่างเพลินตาเพลินใจ เมื่อสบจังหวะเฮราเดินมาที่ระเบียงหินที่ยื่นยาวออก
จากตัวห้อง นกจำแลงก็แกล้งหุบปีกแนบข้างลำตัวทิ้งร่างตกตุ่บลงแทบเท้า
นางทันที ร่างนกน้อยจำแลงสั่นสะท้านราวกับว่าความหนาวกำลังจะปลิดชีวิต
น้อยๆของมันในไม่ช้า

---เฮรานั้นโปรดปรานสัตว์จำพวกนกมากที่สุด รวมทั้งสัตว์ประจำตัว
ของนางก็ยังเป็นนกยูง---

เทพธิดาน้อยเฮราอุทานแผ่วเบา และด้วยความสงสารจับใจ นางก้มลง
ประคองร่างสั่นเทาของนกจำแลงด้วยมือทั้งสอง และพามันไปนอนกกกอดให้
ความอบอุ่นที่เตียงของนาง

เข้าแผนจอมเทพของเรา

เฮรามารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่นกตัวน้อยที่กอดอยู่กลายเป็นร่างสูงใหญ่ของซี
อุสไปแล้ว ในเมื่อมันเลยเถิดมาขนาดนี้ไม่มีทางเลือกสำหรับเฮราผู้เป็นฝ่ายมี
แต่เสียกับเสียนอกจากรับคำแต่งขอแต่งงานจากมหาเทพอย่างเลี่ยงไม่ได้


เมื่อแต่งงานไปแล้วซีอุสจึงรู้ว่าเฮราไม่ได้มีเพียงที่สวยงามอ่อนไหวอย่าง
ที่คิด อีกด้านหนึ่งในตัวเฮราคือความโหดร้าย นางไม่เคยปราณีผู้ที่เป็นศัตรูต่อ
นาง โดยเฉพาะบรรดาคนรักของสวามี นางตามจองล้างจองผลาญอย่างไม่
ยอมรามือจนกว่าจะเห็นอีกฝ่ายพบชะตากรรมที่เลวร้าย และจะพอใจที่สุดถ้า
ถึงกับตายไปให้พ้นหน้าพ้นตาเลยก็ดี นางตามราวีทุกรายจนได้ชื่อว่าเป็นหญิง
ที่ขี้หึงที่สุดในเทพปกรณัมก็ว่าได้

และความหึงหวงที่ไม่เคยฟังเหตุผลใครของเฮรานี่เองที่ทำให้มีปากเสียง
กระทบกระทั่งกับซีอุสโดยตลอด ความเป็นอยู่ของทั้งคู่ก็ลุ่มๆดอนๆไปตาม
อรรถภาพ บางครั้ง(น้อยมาก)ก็ร่วมมือกัน บางครั้งนางก็เหลืออดในพฤติ
กรรมของสวามีจนกระทำสิ่งที่ขัดแย้งกับซีอุสลงไป เช่น เฮราเคยร่วมมือกับโป
เซดอนและอพอลโลจะโค่นซีอุส จะสำเร็จอยู่รอมร่อ แต่ซีอุสก็ปราบกบฎร่วม
สายเลือดพวกนี้ได้และลงโทษอย่างสาสมต่อความผิด โดยให้อพอลโลและโป
เซดอนไปใช้แรงงานช่วยสร้างกำแพงเมืองทรอย ส่วนชายาอย่างเฮราก็ถูกจับ
ล่ามไว้บนท้องฟ้า

ถึงจะทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อยๆ เฮรากับซีอุสก็ยังมีบุตรธิดาด้วยกัน
หลายคน คือ
อาเรส หรือมาร์ส เทพเจ้าแห่งสงคราม
ดิสคอร์เดีย เทพธิดาแห่งการวิวาทบาดหมาง ฝาแฝดของอาเรส (นี่แหล่ะ
เทพธิดาผู้กลิ้งลูกแอปเปิ้ลทองคำที่สลักคำว่า “แด่ผู้ที่งดงามที่สุด” เข้าไปใน
กลุ่มเทพธิดาที่มาในงานแต่งงานในโอลิมปุส จนผลของการตัดสินของเจ้าชาย
ปารีสนำไปสู่มหาสงครามซึ่งทำให้ทรอยล่มสลายไม่เหลือซาก)
อาร์จี เป็นนางเงือก
อีไลไธยา หรือลูซิดาในตำนานโรมัน ซึ่งเป็นเทพีแห่งการให้กำเนิดทารก
เฮเบ หรือแกนีมีดาเทพธิดาแห่งความเยาว์วัย ได้รับหน้าที่ให้ถือถ้วย
ของเทพเจ้า จนถูกปลดให้เจ้าชายแกนิมีดทำแทน เนื่องจากนางแสดงความ
หยาบคายในงานที่จัดขึ้นที่โอลิมปุสงานหนึ่ง
เฮเฟตุส หรือวัลแคน เทพแห่งการช่าง

ซึ่งเทพองค์หลังนี้ ส่วนมากว่าเป็นโอรสที่เฮราให้กำเนิดฝ่ายเดียวไม่
เกี่ยวกับซีอุสหรือชายใด---และเท่าที่รู้มา เฮราไม่มีประวัติคบชู้แต่ประการใด

เหตุก็จากการที่ซีอุสให้กำเนิดเอธีนาและไดโอนีซุสจากร่างตนเอง และ
ทั้งสองก็เป็นเทพที่ป๊อบปูลาร์มาก ส่วนบรรดาบุตรธิดาของนางก็ไม่ค่อยจะเป็น
ที่ต้อนรับของชาวกรีกสักเท่าไหร่ ก็คนหนึ่งเป็นเทพแห่งสงคราม(ชาวกรีกไม่
นิยมชมชอบการทำสงคราม) คนหนึ่งก็ไปไหนคนก็อยากจะหลบเพราะเป็น
เทพธิดาที่ชอบทำให้เกิดความบาดหมาง อีกคนแม้จะได้ตำแหน่งทรงเกียรติถือ
ถ้วยเทพเจ้าแต่ก็ไม่วายนิสัยไม่ค่อยก่อเรื่องจนถูกปลดลงจากตำแหน่งอีก
ไอ้การด้อยความนิยมที่มีต่อบรรดาลูกๆของนางกับซีอุสทำให้เฮรารู้สึก
ริษยาจึงลองมีโอรสด้วยตนเอง แต่ผลลัพธ์ที่เกิดก็ทำให้นางแทบร้องไม่ออก
เพราะเฮเฟตุสที่นางให้กำเนิดมีร่างกายพิกลพิการไม่สมกับเป็นเทพ จนซีอุส
กล่าวหาว่าเฮรามีชู้(คิดว่าคนอื่นเป็นแบบตัวเอง) จนต้องพาไปสาบานด้วยน้ำ
ในแม่น้ำสติกซ์ ซีอุสจึงยอมเชื่อ

---และนี่ก็เป็นปัญหาทำนองไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน---ก็เพราะว่าตอน
ที่เอธีนาเกิด ซีอุสใช้เทพเฮเฟตุสให้เอาขวามจามพระเศียรเพื่อดูว่าทำไมจึง
ปวดนักหนา แล้วเอธีนาก็กระโดดออกมาจากรอยแยกของเศียรบิดา

ด้วยว่าชีวิตการแต่งงานของนางไม่มีความราบรื่นเลย ต้องผจญกับ
ปัญหามากมายที่สวามีตัวดีเที่ยวไปก่อไว้ เฮราจึงเป็นเทพีที่อุปถัมภ์การแต่ง
งานและเป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์ของชีวิตคู่ โดยที่คู่บ่าวสาวกรีก
โบราณต้องของพรและทำพิธีบูชาเฮราในวันที่พวกเขาแต่งงานเพื่อให้ชีวิตคู่ราบ
รื่นถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร

ชู้รักมากมากของซีอุสต้องจบชีวิตลงเพราะเฮรา วิธีการก็แสนจะหฤโหด
เต็มที---เรียกได้ว่าคิดวิธีการฆ่าแทบจะไม่ซ้ำกันทีเดียว

อย่างกรณีที่ดูโหดและทำร้ายจิตใจของซีอุสให้เซเมเล่มารดาของไดโอนี
ซุสต้องตายด้วยคำสาบานที่นางขอจากซีอุส โดยที่เฮราจำแลงกายเป็นนางพี่
เลี้ยงของเจ้าหญิงเซเมเล่และให้นางทูลขอพรที่ซีอุสที่เคยให้คำสัตย์ต่อเจ้าหญิง
น้อยว่าจะให้สิ่งใดก็ได้ที่นางขอหนึ่งอย่าง เฮราในร่างแปลงยุให้เซเมเล่ให้ซีอุส
ดื่มน้ำจากแม่น้ำสติกซ์แม่น้ำแห่งสัจจะ ซึ่งผู้ดื่มเข้าไปและจะพูดแต่ความจริง
หากสัญญาก็ต้องทำตามคำที่ลั่นไว้ เซเมเล่ก็ขอพรให้ซีอุสปรากฎกายในร่าง
เทพเจ้าและสวมชุดเกราะเต็มยศตามที่นางพี่เลี้ยงตัวปลอมบอก ซีอุสจำต้องทำให้
แม้จะรู้เต็มอกว่าหญิงคนรักต้องตาย---สมปรารถนาเฮรา ร่างของเซเมเล่
มอดไหม้เป็นมหาจุลในพริบตาด้วยลำแสงร้อนแรงจากรัศมีของมหาเทพ แต่ซี
อุสก็ช่วยชีวิตทารกในครรภ์ได้ทัน โดยคว้ามาจากท้องเซเมเล่ก่อนนางจะตาย
และเอามาฝังไว้ที่ต้นขาของตนเองจนกระทั่งถึงกำหนดคลอด

อัลมีเน่มารดาของวีรบุรุษจอมพลังเฮราเคลสหรือเฮอร์คิวลิสก็เกือบตาย
ขณะที่หลับใหลด้วยความอ่อนเพลียจากการคลอดบุตร เพราะเฮราส่งอสรพิษ
ยักษ์ไปให้ฆ่าทั้งแม่และลูก แต่หนูน้อยเฮอร์คิวลิสตื่นขึ้นมาก่อน จึงจับคองู
ยักษ์แกว่งไปมาและบีบคองูร้ายตายด้วยความไร้เดียงสา(?)
---ไอ้การกระทำนี้เองที่ทำให้เฮรารู้สึกว่าเจ้าเด็กทารกนี่ต่อกรตนเองได้
ตั้งแต่เกิดจึงเกลียดขี้หน้าเฮราเคลสและตามจองล้างจองผลาญมาตลอด จน
เฮราเคลสมีครอบครัว เฮราก็ทำให้เฮราเคลสคลั่งจนฆ่าภรรยาและลูกชายทั้ง
สองตายด้วยมือตัวเอง---โหดจริงๆ

ฝาแฝดผู้เลื่องชื่ออย่างอพอลโลและอาร์เตมิสก็หวิดไม่ได้เกิด เพราะเฮ
ราส่งไพธอนไปไล่ฆ่าเลโตมารดาของทั้งสองในขณะที่ตั้งครรภ์ใกล้คลอดแบบ
กะไม่ให้เด็กได้เกิด---ถ้าเลโตไม่เสี่ยงหนีลงทะเลและโปเซดอนไม่บันดาลเกาะ
เดลอสขึ้นมา เราก็คงไม่ได้มีโอกาสรู้จักเทพแฝดคู่นี้หรอก เมื่อแฝดผู้พี่เมื่อเติบ
ใหญ่ก็สังหารเจ้าไพธอนและยึดวิหารแห่งเดลฟีที่เคยเป็นเทวลัยของเฮรามา
เป็นของตน

คาลิสโตชู้รักคนหนึ่งของซีอุสก็ถูกซีอุสสาปให้เป็นกลุ่มดาวหมีใหญ่บน
ท้องฟ้าเพื่อปกป้องนางจากเฮรา(บ้างก็ว่าจากคำสาปของอาร์เตมิส เพราะนาง
เป็นหญิงผู้รับใช้เทพธิดาแห่งจันทราแต่กลับป่องซะ) อาร์คัสบุตรชายของนาง
กับซีอุสก็ได้รับการนางไตตันไมอา ซึ่งก็คือมารดาของเฮอร์เมส นางก็ต้องไป
หลบซ่อนตัวจากการตามล่าของเฮราเหมือนกัน แต่เมื่อเฮอร์เมสเติบโตขึ้นกลับเป็น
เทพองค์หนึ่งที่เฮราโปรดปรานมากทีเดียวอาจเรียกได้ว่าเหมือนเป็นแม่ลูก
กันเลยก็ว่าได้ เฮรามักใช้เฮอร์เมสไปทำธุระให้นาง ซึ่งเฮอร์เมสก็ยินดีทำ

แม้แต่นักบวชหญิงแห่งอาร์กอสผู้รับใช้เฮราอย่างไอโอก็ต้องเกือบตาย
ด้วยฤทธิ์แรงหึง เมื่อซีอุสแอบมีสัมพันธ์กับนาง เฮราจะเอาเรื่องจนซีอุสต้อง
แปลงร่างไอโอเป็นวัว เฮราก็แสร้งทูลขอจากซีอุส และให้อาร์เกสอสูรไซคอล์ป
ผู้ที่ไม่หลับเฝ้าวัวแปลงเอาไว้ เมื่อนางหนีไก็ต้องระหกระเหินไปถึงอียิปต์และ
ได้สมรสกับราชาเทเลโกนุสของอียิปต์และเป็นบรรพชนของดานาอุส(บิดาของ
ดานาอีทั้งห้าสิบที่ต้องใช้คนโทก้นรั่วตักน้ำใส่บ่อในเฮดีส)


แม้จากตัวอย่างเหยื่อความโหดของเฮราจะมีมากมายและวิธีจัดการดูน่า
กลัว แต่เจ้าแม่แห่งสรวงสวรรค์จะมุ่งร้ายก็เฉพาะพวกที่เป็นศัตรู ส่วนพวกที่
บูชานาง ก็จะได้รับผลตอบแทนที่แสนดีกลับคืนเพราะนางจะคอยดูแลทุกข์สุข
โดยตลอด อย่างเช่นที่นางได้ให้ความช่วยเหลือต่อเจ้าชายเจสันตั้งแต่ต้นใน
การตามหาขนแกะทองคำ หากไม่มีเฮราสักคน เจสันและเรืออาร์โกของเราก็
จอดไม่แจวเป็นแน่

เฮราโปรดปรานเมืองอาร์กอสและชาวเมืองที่นั่นมากที่สุดในบรรดาพวก
กรีกด้วยกัน และยังเป็นเทพีประจำนครนั้น และเนื่องจากบิดามารดาของเจ
สันรวมทั้งตัวเขาและเมืองโครินธ์บูชานาง เฮราจึงช่วยเหลือโดยแปลงร่างเป็น
หญิงชรามาช่วยให้คำเป็นไปตามทำนายที่ว่า ผู้ที่มาทวงบัลลังก์คืนจะสวมรอง
เท้าข้างเดียว และยังคอยช่วยให้เขาฟันฝ่าอุปสรรคมากมาย รวมทั้งยังสั่งให้
อีรอสแผลงลูกศรทองคำใส่นางเมเดอาแม่มดสาวคนงามผู้เป็นธิดาของราชาเออี
เตสแห่งโคลคิสผู้ครอบคองขนแกะทองคำ ทำให้นางหลงรักเจสันและช่วยเขา
ให้ทำภารกิจที่เออีเตสมอบหมายเสร็จสมบูรณ์โดยไม่เป็นอันตราย และเมเด
อายังช่วยขโมยขนแกะเมื่อเออีเตสเกิดเบี้ยวรวมถึงช่วยให้เจสันหนีการตามล่า
ของเออีเตสผู้เป็นบิดาของนางอีกด้วย---ส่วนวิธีที่นางช่วยให้คนรักหนีกองทัพ
อันโกรธเกรี้ยวของบิดานั้นโหดพอดู แต่เราจะเอาไว้พูดถึงในโอกาสต่อไปใน
เรื่องเจสันกับขนแกะทองคำ


ผลไม้ที่เฮราโปรดก็คือแอปเปิ้ลและทับทิม สวนแอปเปิ้ลทองคำที่พวก
เฮสเพอริเดสลูกสาวของของไตตันแอตลาสคอยเฝ้าดูแลก็เป็นสมบัติของเฮรา
ส่วนชนชาติที่เฮราชังน้ำหน้ายิ่งนักก็คงจะหนีไม่พ้นพวกโทรจัน ด้วยเหตุ
ที่ว่าปารีสไม่เลือกนางเป็นผู้ที่สวยที่สุด ดังนั้นในสงครามระหว่างทรอยกับกรีก
เพื่อแย่งชิงราชินีเฮเลน เฮราก็อยู่ฝ่ายกรีกตามแรงแค้นสั่งการอย่างอัตโนมัติ


ไหนๆก็พูดเรื่องไม่ยอมแพ้ใครเรื่องความสวยแล้ว ก็ขอแถมให้อีกนิดนึง
ว่าเหยื่อความโกรธเกรี้ยวเรื่องว่ามีใครสวยกว่าเธอนั้นไม่ใช่มีแค่พวกโทรจันเท่า
นั้น ยังมีนางซิดี ผู้ซึ่งเป็นภรรยาคนแรกของโอไรออนนายพรานมือฉมัง(ตอน
หลังถูกอาร์เตมิสสาปและจบชีวิตอย่างน่าเศร้า)คุยโอ่ว่าตัวเองน่ะสวยเลอเลิศ
กว่าใครๆในโลกนี้--และยังไม่พอ—ซิดียังโม้ต่อไปว่าแม้แต่เฮราจอมเทวีก็ไม่
อาจจะมาทาบรัศมีของตนเองได้—คงคิดว่าพูดอยู่บนโลกแล้วเฮราที่อยู่บนโอลิมปุส
จะไม่ได้ยิน แต่ก็โชคร้ายของนางซิดีที่เฮราได้ยินเต็มสองรูหู เฮราจึงทำ
ให้ซิดีไม่มีโอกาสโม้ให้รำคาญใจและเจ็บใจได้อีก จอมเทวีจึงจัดการส่งซิดีให้
ไปไกลๆจากการได้เห็นได้ยินโดยส่งตรงดิ่งไปยังยมโลก ประมาณว่าอยากโม้ก็
ไปโม้ต่อที่นั่นตามสบาย

เฮราเป็นตัวแทนของความงามสง่าเย่อหยิ่งเยี่ยงราชินี ในขณะที่อะโฟร
ไดทีจะมีความสวยงามที่ออกไปในทางเย้ายวนแบบหญิงสาว เฮราก็ยังเป็น
สัญลักษณ์ของภรรยาที่ซื่อสัตย์ไม่นอกใจสามีและสตรีขี้หึงอีกด้วย
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
เจ้าหญิงพระจันทร์
Admin
Admin
เจ้าหญิงพระจันทร์


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 188
Registration date : 18/04/2007

ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน   ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน EmptySat Apr 28, 2007 10:53 pm

อืมๆๆ
หมดสต็อกและ
คงไม่มีไรมาให้อ่านแล้วแหละ

ขอให้สนุกกันตำนานนะค้า
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
Admin
Admin
Admin
Admin


Female
เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 509
อายุ : 33
ที่อยู่ : ในหัวใจของสมาชิกทุกคนไง
Registration date : 18/04/2007

ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน   ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน EmptySat Apr 28, 2007 11:05 pm

ก็พอรู้จักนะ แต่ไม่ค่อยละเอียดเท่านี้

เคยซื้อหนังสือเล่มละ8บาทมาอ่านน่ะ555+
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
เจ้าหญิงพระจันทร์
Admin
Admin
เจ้าหญิงพระจันทร์


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 188
Registration date : 18/04/2007

ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน   ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน EmptySat Apr 28, 2007 11:14 pm

สวัสดีคุณแอดมิน
ดึดๆดื่นๆ ทำมัยยังไม่นอนอีกคะ
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
Admin
Admin
Admin
Admin


Female
เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 509
อายุ : 33
ที่อยู่ : ในหัวใจของสมาชิกทุกคนไง
Registration date : 18/04/2007

ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน   ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน EmptySat Apr 28, 2007 11:16 pm

ว่าแต่คนอื่นเค้าอ่ะนะ

ไม่ดูตัวเองเลย...ไม่ไหวๆ
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
เจ้าชายพระอาทิตย์
เตรียมอนุบาล
เตรียมอนุบาล
เจ้าชายพระอาทิตย์


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 172
ที่อยู่ : ในใจเจ้าหญิของผม กะ แอดมินคนดี
Registration date : 20/04/2007

ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน   ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน EmptySun Apr 29, 2007 10:45 am

ไม่มีเทพเอ่อ

เทพบุตรกีตาร์ลีดเหรอ (มันเกี่ยวกันมั้ย??)

โอเค ไม่เกี่ยว -*-

นี่หญิงจันทร์คิดถึงหญิงจังเล้ย รักน้า
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
 
ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ 
เธซเธ™เน‰เธฒ 1 เธˆเธฒเธ 2เน„เธ›เธ—เธตเนˆเธซเธ™เน‰เธฒ : 1, 2  Next

Permissions in this forum:เธ„เธธเธ“เน„เธกเนˆเธชเธฒเธกเธฒเธฃเธ–เธžเธดเธกเธžเนŒเธ•เธญเธš
ที่นี่มีแต่คำว่าให้...และคำว่าขอบคุณ :: General Talk :: คุยเรื่อยเปื่อยตามประสาคนใจดี-
เน„เธ›เธ—เธตเนˆ: